เนื้อหาวันที่ : 2007-02-02 11:58:00 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1471 views

น้ำมือของมนุษย์ ทำโลกเผชิญกับภัยวิกฤติอุณภูมิที่กำลังสูงขึ้นทุกนาที

รัฐบาลฝรั่งเศสและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ร่วมกันปิดไฟประดับหอไอเฟล 336 ดวง สัญลักษณ์ของกรุงปารีส เป็นเวลา 5 นาที เพื่อเตือนให้โลกหันมาสนใจปัญหาโลกร้อนที่กำลังรุนแรงขึ้น

รัฐบาลฝรั่งเศสและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ร่วมกันปิดไฟประดับหอไอเฟลในกรุงปารีสเป็นเวลา 5 นาทีเพื่อเตือนให้โลกหันมาสนใจปัญหาโลกร้อนที่กำลังรุนแรงขึ้น

.

ไฟ 336 ดวงที่ประดับประดาหอไฟเอล สัญลักษณ์ของกรุงปารีสในยามค่ำคืนได้ถูกปิดลงเป็นเวลา 5 นาทีเมื่อวานนี้ เพื่อเตือนให้ประชาชนและนานาประเทศทั่วโลกหันมาสนใจปัญหาการใช้พลังงานกันอย่างไม่บันยะบันยังและปัญหาอุณหภูมิของโลกที่กำลังสูงขึ้นทุกทีซึ่งจะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงในอนาคต

.

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ กรีนพีซได้นำป้ายขนาดยักษ์เป็นรูปปรอทวัดความร้อนของโลกไปติดที่หอไอเฟลเพื่อกระตุ้นความสนใจของสาธารณชนในปัญหาโลกร้อนที่กำลังรุนแรงขึ้น

.

โดยรายงานของสหประชาชาติที่จะมีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันนี้ได้ระบุว่า ปัญหาอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะเป็นต้นเหตุสำคัญที่จะทำให้เกิดคลื่นความร้อน อุทกภัยใหญ่ ๆ ภัยแล้งที่รุนแรง และระดับน้ำในมหาสมุทรที่จะสูงขึ้นจากเดิม ซึ่งทั้งหมดล้วนเชื่อมโยกกับการที่ประเทศต่างๆ ในโลกได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งมาจากการใช้พลังงานฟอสซิลขึ้นไปสู่บรรยากาศของโลก อันเป็นต้นเหตุทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น

.

ซึ่งคณะทำงานที่เฝ้าดูแลการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกหรือ IPCC ซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์จาก 130 ประเทศราว 2,500 คนได้ระบุว่าขณะนี้โลกมีอุณหภูมิสูงกว่ายุคน้ำแข็งถึง 5 องศาเซลเซียสอันจะส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกหดตัวลงและอาจละลายไปจนหมดสิ้นในปี 2643 ซึ่งจะส่งผลให้คลื่นความร้อนรุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับฝนที่จะตกหนักขึ้นและชุกขึ้น พายุเฮอริเคนจะเกิดน้อยลง

.

แต่จะรุนแรงยิ่งขึ้น ระดับน้ำในมหาสมุทรจะเพิ่มขึ้นราว  28ถึง 43 เซ็นติเมตรอันจะทำให้ประเทศที่อยู่ตามแนวชายฝั่งตอนล่างของมหาสมุทรแปซิฟิกรวมทั้งหมู่เกาะต่างๆ อาจถูกน้ำท่วมหมด ซึ่งทั้งหมดล้วนมาจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น  และได้เรียกร้องให้ประเทศใหญ่ๆ ในโลกที่เป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นสหรัฐ อินเดีย และจีนให้ เล็งเห็นถึงภัยต่อส่วนรวมในอนาคตและเร่งหาทางป้องกันด้วยการทุ่มงบประมาณในการแก้ปัญหาโลกร้อนมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้