เนื้อหาวันที่ : 2010-06-08 11:52:01 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2546 views

บกด.ทุ่มสองร้อยล้านลุยตลาดกลุ่มไฟเบอร์ซิเมนต์

บกด.โชว์วิสัยทัศน์ผู้นำตลาดกลุ่มไฟเบอร์ซิเมนต์ รายใหญ่สุดของประเทศมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้าเชิงนวัตกรรม และบริการ มั่นใจภาวะการเมืองไม่ส่งผลกระทบต่อการขายครึ่งปีหลังพร้อมอัดฉีดงบอีกกว่า 200 ล้านกระตุ้นตลาดรวม

บกด.โชว์วิสัยทัศน์ผู้นำตลาดกลุ่มไฟเบอร์ซิเมนต์ รายใหญ่สุดของประเทศ มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้าเชิงนวัตกรรม และบริการ มั่นใจภาวะการเมืองไม่ส่งผลกระทบต่อการขายครึ่งปีหลัง พร้อมอัดฉีดงบอีกกว่า 200 ล้านกระตุ้นตลาดรวม

.

นายพันเทพ สุภาไชยกิจ 
กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด

.

สำนักงานใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย บางซื่อ : บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด(บกด.) ในธุรกิจเอส ซี จี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (SCG Building Materials) ตอกย้ำศักยภาพผู้นำผลิตภัณฑ์หลังคา บอร์ด และไม้สังเคราะห์ จากไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพของสินค้าเชิงนวัตกรรม และบริการแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่องเตรียมรองรับตลาดอาคารเขียว หรือ LEED ด้วย

.

ปัจจุบันนับเป็นกลุ่มไฟเบอร์ซิเมนต์ รายแรกและรายเดียวของประเทศที่ยกเลิกใช้ใยหิน (Asbestos) ในส่วนผสมการผลิตครบทุกผลิตภัณฑ์ พร้อมส่งผลงานจากการวิจัย และพัฒนาสินค้าเชิงนวัตกรรม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Firm & Flex ออกวางจำหน่ายในครึ่งปีแรกทั้งใน และต่างประเทศภายใต้แบรนด์ ตราช้าง อีก 4 ผลิตภัณฑ์ คือ

.

หลังคา ตราช้าง รุ่นลอนคู่ สีประกายมุก, ไม้พื้น ตราช้าง สมาร์ทวูด,ฝ้าฉาบเรียบ ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด และระบบผนังเบา Cast Wall ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด พร้อมอัดฉีดงบอีกกว่า 200 ล้านบาทเร่งกระตุ้นตลาดทั้ง Above the line และ Below the line มั่นใจครึ่งหลังปี ตลาดไฟเบอร์ซีเมนต์ยังโตต่อเนื่อง ทั้งใน และต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเซีย

.

นายพันเทพ สุภาไชยกิจ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด เปิดเผยว่า “แม้ว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว แต่สำหรับ บกด.แล้ว ในภาพรมยังคงรักษาผลประกอบการไว้ได้

.

โดยแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังปี 2553 นี้ เรายังคงยึดแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายของ SCG Building Material คือ เน้นการนำเสนอเรื่องสินค้าและบริการ เป็น Solution แทนที่จะจำหน่ายเพียงแค่สินค้าเป็นชิ้นๆ อย่างเดียว และได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี เพราะลูกค้ามีความเข้าใจในสิ่งที่เรานำเสนอ และรับรู้ได้ว่าเมื่อใช้เป็น Solution รวมกัน จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการอยู่อาศัยได้มากขึ้นด้วย 

.

ซึ่งถือเป็น Value Added ที่เราเพิ่มให้กับสินค้าและหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา ซึ่งตลาดไฟเบอร์ซิเมนต์นับเป็นตลาดวัสดุก่อสร้างที่มีมูลค่ารวมสูงประมาณ 18,000 ล้านบาท ในฐานะผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งประมาณ 40 %

.

การตลาดที่มุ่งเน้นแต่ราคา ไม่น่าจะเกิดผลที่ดีในระยะยาว เพราะสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างเป็นสินค้าที่ผู้ใช้ให้ความสำคัญเรื่องความทนทาน เพราะซื้อไม่กี่ครั้งในชีวิต การนำเสนอทางเลือกใหม่ที่มีผลกระทบต่อชีวิต สุขภาพ ความสะดวก และปลอดภัยแก่ผู้บริโภค จึงเป็นแนวทางที่เราให้ความสำคัญ โดยเน้นที่คุณภาพของสินค้าและ Solution ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกที่ดีขึ้นให้ลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน บกด. มีสินค้า  3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่

.

• หลังคา ตราช้าง

o หลังคา ตราช้าง ไอยร่า ซึ่งเป็นหลังคาเรียบที่โดดเด่น มีสไตล์เฉพาะตัว และเป็นหลังคาที่ใช้นวัตกรรมใหม่ไม่มีใยหินตัวแรกของบริษัทฯ มีให้เลือก 3 รุ่น คือ รุ่นคลาสสิค รุ่นทิมเบอร์ และรุ่นโมเดิร์น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นตลาดกลุ่มบน

.

o หลังคา ตราช้าง รุ่นลอนคู่ เป็นหลังคาลอนรายแรกที่อยู่คู่ประเทศไทยยาวนานมากว่า 70 ปีแล้ว และเน้น Mass Market ซึ่งเรามีจุดเด่นโดยเฉพาะ คือ มีความหนามากกว่า และไม่มีใยหิน เป็นส่วนผสม จึงใช้ Key Message ใน Campaign การสื่อสารว่า ก่อนซื้อหลังคา ให้สังเกตว่าหลังคาลอนที่ดี ต้องมีดี 3 อย่าง คือ

.
- ดีที่ 1 หนา 5.5 มม. 
- ดีที่ 2 ปลอดภัย ไม่มีใยหิน
- ดีที่ 3 มี “ตราช้าง”
.

o หลังคา ตราช้าง รุ่นพรีม่า เป็นหลังคาสามลอนที่พลิ้วสวย เป็นธรมชาติ แบบแรกของประเทศไทย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความแตกต่าง จะเป็นกลุ่ม Niche Market  

.
• บอร์ด ตราช้าง สมาร์ทบร์ด

มีลักษณะเป็นแผ่นใหญ่ ทำให้ติดตั้งได้เร็ว ใช้ได้ดีทั้งสำหรับงานฝ้า ผนัง หรืองานพื้น แล้วแต่ความหนาที่เลือกใช้ ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียว ทน ด้วยโครงสร้างพิเศษจากเทคโนโลยี Firm & Flex ซึ่งผสานโครงสร้างของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ตราช้าง ซิลิก้า และเส้นใยเซลลูโลสชนิดพิเศษ

.

ผ่านกระบวนการอบไอน้ำที่อุณหภูมิและแรงดันสูง (Autoclave) จึงมั่นใจในคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ตราช้าง ทุกแผ่น ใช้ได้ดีทั้งภายในและภายนอก ซึ่งครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลาย Segment เพราะเจ้าของบ้านก็เลือกใช้ได้ หรือจะใช้กับงานอาคารก็ไม่มีปัญหา

.
• ไม้สังเคราะห์ ตราช้าง สมาร์ทวูด

มีลักษณะเป็นสินค้าที่ใช้ทดแทนไม้จริงชนิดต่างๆ เหนือกว่าไม้สังเคราะห์ทั่วไป ด้วยโครงสร้างพิเศษจากเทคโนโลยี Firm & Flex เช่นเดียวกับบอร์ด ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด ทั้งยังให้ผิวสัมผัสที่เหมือนไม้จริง สีสวยทน ไม่ลอก ด้วยการเคลือบสีพิเศษทั้งสีรองพื้น และสีจริงจากโรงงาน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะ Mass

.

ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มสินค้านี้ จะอยู่ภายใต้ Master Brand อย่าง “ตราช้าง” ทั้งหมด นายพันเทพ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการการพัฒนาสินค้าเชิงนวัตกรรม และการบริการรูปแบบ Total Solution ที่จะดำเนินการต่อในปีนี้ ว่า “สำหรับปีนี้ เรามี 4 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ประกอบด้วย 3 สินค้า และ 1 ระบบ ที่ลูกค้าให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าหลังคา ตราช้าง รุ่นลอนคู่ สีแดงประกายมุก สีสวยทน และปลอดภัย ไม่มีใยหิน ซึ่งจากที่วางตลาดเพียง 5 เดือนแรก ก็ทำยอดขายสูงสุดในกลุ่มสินค้าใหม่ ทั้งนี้เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจเลือกใช้หลังคาไม่มีใยหินมากขึ้น

.

สินค้าไม้พื้น ตราช้าง สมาร์ทวูด ที่ให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริง มาพร้อมสีย้อมไม้พื้นที่ทนแรงขูดขีดได้ดี และปลอดสารปรอท สินค้าฝ้าฉาบเรียบ ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด พร้อมอุปกรณ์การติดตั้งยกชุดที่สวย เนียน ทนน้ำ ปลวกไม่กิน และ ระบบผนัง Cast Wall ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด ที่ลดปัญหาเสียงก้องของระบบผนังเบาได้

.

จึงมั่นใจว่าอัตราการเติบโดยรวมของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-8% จากผลประกอบการปีที่ผ่านมา ประมาณ 6,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหลังคารวม 55% และบอร์ด ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด, ไม้สังเคราะห์ ตราช้าง สมาร์ทวูด 45% จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาทั้ง 2 ไตรมาส

.

นอกจากนี้  นายพันเทพยังกล่าวเพิ่มเติมถึงในส่วนด้านทิศทางการลงทุนในปีนี้ของบกด.เพิ่มเติมว่า “เนื่องด้วยในช่วงต้นปี 2553 บริษัทฯ มีการขยายกำลังการผลิตมาแล้วระดับหนึ่ง เพื่อผลิตสินค้า HVA (High Value Added) และ Application ใหม่ๆ เป็นทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้า ร่วมกับการค้นคว้าวิจัย (R&D) เรื่องความต้องการในระบบการติดตั้งแบบใหม่ๆ ให้ตอบสนองต่อการอาศัยของผู้บริโภคควบคู่กันไปด้วยไม่ว่าจะเป็น  คุณสมบัติที่ดีในด้านต่างๆ เช่น ปลวกไม่กิน ทนน้ำ ทนแดด ช่วยให้บ้านเย็น และมีน้ำหนักเบา

.

โดยคาดว่าจะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าประเภทไฟเบอร์ซีเมนต์ที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดใน และต่างประเทศ ซึ่งสินค้าทั้ง 3 กลุ่มนี้ มีการขยายตัวดีมากโดยเฉพาะในประเทศแถบ Asean ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ SCG อยู่แล้วที่ต้องการเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียนภายในปี 2015 โดยใช้งบประมาณโดยรวมของบริษัทฯ ที่ตั้งไว้ในปีนี้ประมาณกว่า  200 ล้านบาท ในการรุกตลาด

.

นอกจากนี้ เรายังให้ความสนใจในเรื่องของตลาดอาคารเขียว หรือที่เรียกกันว่า  LEED มาก เพราะปัจจุบันนอกจากเทคโนโลยีการสื่อสารที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้บริโภคมีการค้นคว้าหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจค่อนข้างมากแล้ว  การตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น แหล่งผลิตอาหาร หรือสภาพภูมิอากาศโลก

.

ทำให้หลายคนหันมาใส่ใจในสุขภาพของตัวเอง และสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น และเป็นแรงผลักดันที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดผลกระทบดังกล่าว  ทั้งยังเป็นนโยบายของ SCG อยู่แล้ว ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพที่พักอาศัยของผู้บริโภคเป็นหลักจากงบประมาณ 880 ล้าน ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังได้จัดให้มี SCG Eco Value เพื่อกำหนดคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

.

เพื่อให้นอกจากแต่ละบริษัทฯ จะต้องพัฒนาสินค้าให้มีคุณสมบัติที่ดีเหมาะแก่การใช้งานในแต่ละด้านแล้ว ก็ยังต้องมีความปลอดภัยทั้งกับสิ่งแวดล้อมและกับตัวผู้บริโภคโดยตรง รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วย ซึ่งปัจจุบัน บกด.เอง ไม่ได้มีแค่เครื่องหมาย SCG Eco Value มาการันตีเท่านั้น ล่าสุดเรายังเป็นหลังคารายเดียวในประเทศไทยที่ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองฉลากเขียว (Green Label)

.

รวมถึงเป็นไฟเบอร์ซิเมนต์รายแรก และรายเดียวที่พัฒนาให้ทุกผลิตภัณฑ์ทั้งหลังคา ฝ้า ผนัง พื้น และไม้สังเคราะห์ ไม่มีส่วนผสมของ ”ใยหิน” (Asbestos) ได้ก่อนการประกาศใช้กฎหมายสลากใยหินเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จึงไม่มีความจำเป็นต้องระบุข้อความอันตรายจากใยหินไว้ในผลิตภัณฑ์และฉลาก แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติที่ทัดเทียมเดิมอีกด้วย

.

ซึ่งตรงนี้ จะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเรามาก ผู้บริโภคก็ยิ่งเกิดความมั่นใจในการเลือกใช้งาน พร้อมยังเตรียมการพัฒนาสินค้าอีกหลากหลายรายการ เพื่อรองรับเรื่อง LEED ที่คาดว่าน่าจะกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2553 นี้เป็นต้นไป” นายพันเทพ กล่าวสรุป

.

อย่างไรก็ดี นายพันเทพได้ให้ความเห็นต่อกรณีผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองต่อตลาดวัสดุก่อสร้าง โดยคาดว่า “ในครึ่งปีหลังนี้ ตลาดวัสดุก่อสร้างวโดยรวมน่าจะซบเซากว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ที่น่าจะส่งผลกระทบมา

.

นอกจากนี้แล้ว ประเด็นเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในกลุ่มยูโร ไม่ว่าจะเป็นประเทศกรีก หรือท่าทีของสเปน และฝรั่งเศส  ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตามองว่าจะส่งผลกระทบถึงกลุ่มประเทศอื่นๆ ในยุโรปหรือภูมิภาคอื่นๆ อีกหรือไม่

.

ซึ่งก็ต้อง Monitor สิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างใกล้ชิดด้วย  ซึ่งเรา อาศัยการติดตาม และการปรับตัวให้รวดเร็ว และยึด Customer Needs เป็นที่ตั้งในการดำเนินงานแต่ละ Moment เพราะระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจไม่ได้อิงปัญหาจากภายในประเทศเพียงด้านเดียว อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของบกด.เองคาดว่าจะยังไปได้ด้วยดีอยู่”