เนื้อหาวันที่ : 2007-01-30 10:49:26 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1285 views

คลังเตรียมปรับเพิ่มเป้าเศรษฐกิจใหม่ ให้ดูดีกว่าเดิม

ประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ หลังมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น ทั้งการบริโภค การลงทุน ราคาน้ำมัน แต่ยอมรับว่า ปัจจัยการเมืองจะเป็นตัวแปรที่สำคัญ คาดการณ์จะขยายตัวร้อยละ 4 - 5 ส่วนดัชนีผู้บริโภคดีขึ้น

สำนักข่าวไทยรายงานข่าวผู้อำนวยการ สศค.เผยเตรียมปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ หลังมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น ทั้งการบริโภค การลงทุน ราคาน้ำมัน เป็นต้น แต่ยอมรับว่า ปัจจัยการเมืองจะเป็นตัวแปรที่สำคัญ ส่วนมาตรการภาษีเพื่อจูงใจบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะเข้า ครม. 30 ม.ค.นี้

 

นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวในงานสัมมนา เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหนดี ในปีหมูทอง ว่า กระทรวงการคลังจะมีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ใหม่ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 4 -5 ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากปัจจัยบวกและปัจจัยลบมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยทาง สศค.เห็นว่าปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยมีมากขึ้น เช่น การบริโภคและการลงทุนของเอกชนที่คาดว่าจะฟื้นตัว ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัว อัตราเงินเฟ้อลดต่ำลง รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยลดลง ซึ่งกระทรวงการคลังเชื่อว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หากว่าไม่เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งยังมีผลทางจิตวิทยา หากการร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา มีการจัดการเลือกตั้งได้ภายในปีนี้ ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย รวมถึงความรุนแรงจากการชุมนุมประท้วง และมีคำตัดสินคดียุบพรรคการเมือง เศรษฐกิจไทยก็น่าจะไปได้ดี โดยในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตสูงสุดของปีนี้ แต่ถ้าสถานการณ์การเมืองกลับมารุนแรงอีก อัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 4-5 คงเป็นไปได้ยาก

 

ทาง สศค. ได้มีการศึกษามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งมาตรการการเงิน มาตรการคลังไว้แล้ว หากเศรษฐกิจไทยมีปัญหา ทาง สศค.ก็พร้อมที่จะเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อนำออกมาใช้ได้ทันที แต่เท่าที่ดูสถานการณ์ขณะนี้ คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องนำมาใช้ นายสมชัยกล่าว

 

นายสมชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลัง กำลังเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2550 โดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ถึงร้อยละ 93 แม้ว่าจะมีเวลาในการใช้งบประมาณเพียง 9 เดือน  โดยคาดว่าในเดือน ก.พ. มี.ค. 2550  งบประมาณจะเร่งออกเต็มที่ และจะอัดฉีดอย่างแรงในช่วงเดือน เม.ย. มิ.ย.ของปีนี้ โดยจะเร่งให้หน่วยงานราชการจัดการสัมมนาให้เร็วขื้น จากเดิมที่กำหนดจะจัดในช่วงเดือนกันยายน เพื่อให้งบประมาณลงสู่ภาคบริการและการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็จะมีการสานต่อโครงการบ้านเอื้ออาทร และบ้านมั่นคงในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้เม็ดเงินงบประมาณกระจายสู่รากหญ้า

 

ส่วนความคืบหน้าการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดเอ็มเอไอ นั้น นายสมชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติในวันอังคารที่ 30 ม.ค. นี้ ซึ่งหากไม่ทันอาจจะเลื่อนไปเป็นอังคารถัดไป โดยจะลดภาษีนิติบุคคลจากร้อยละ 30 เหลือ 25 สำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนใน ตลท. และลดภาษีนิติบุคคลจากร้อยละ 25 เหลือ 20 สำหรับตลาดเอ็มเอไอ โดยให้สิทธิประโยชน์เป็นเวลา 3 ปี.