
อั่งเปา แอสเสท มั่นใจตลาดบ้านระดับบนยังโตต่อเนื่อง ล่าสุดทุ่มงบกว่า 4,500 ล้านบาท เปิด "ณุศาศิริ พระราม 2" เนรมิตสู่ศูนย์กลางที่อยู่อาศัย พร้อมศูนย์ Community Mall เต็มรูปแบบ คาดปิดขายเฟสแรกปีนี้
| 
             อั่งเปา แอสเสท มั่นใจตลาดบ้านระดับบนยังโตต่อเนื่อง ล่าสุดทุ่มงบกว่า 4,500 ล้านบาท เปิด "ณุศาศิริ พระราม 2" เนรมิตสู่ศูนย์กลางที่อยู่อาศัย พร้อมศูนย์ Community Mall เต็มรูปแบบ คาดปิดขายเฟสแรกปีนี้ เตรียมทีมพร้อมขยายการขายเฟส 2 ประกาศลุยโปรเจคใหม่ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง  | 
        
| . | 
| 
             
  | 
        
| . | 
| 
             บมจ. อั่งเปา แอสเสท เปิดฉากรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยอีกครั้ง พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดรวม 6-7 โครงการในปี 2553 มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท นำร่องด้วยการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวหรูระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป “โครงการณุศาศิริ พระราม 2” โดยได้เริ่มเปิดขายในเฟสแรกไปแล้ว ท่ามกลางผู้สนใจจำนวนมาก มั่นใจปิดขาย เฟสแรก 57 หลังในปีนี้ รวมมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท  | 
        
| . | 
| 
             นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ ตลาดบ้านเดี่ยวหรือโครงการแนวราบ น่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น จากที่ชะลอลงใน ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยระดับราคา ที่ขายดีอยู่ระหว่าง 3.00-4.99 ล้านบาท และในส่วนระดับราคาระหว่าง 5-15 ล้านบาท ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน  | 
        
| . | 
| 
             ดังจะเห็นได้จากการเปิดตัวโครงการ ณุศาศิริ พระราม 2 บนพื้นที่ขนาด 340 ไร่ มูลค่ารวมโครงการ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งได้เปิดขายแล้วในเฟสแรก บนเนื้อที่ 129 ไร่ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวรวม 57 หลัง และ โฮม ออฟฟิศ รวม 26 ยูนิต มูลค่าเฟสแรกรวม 1.5 พันล้านบาท ซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจ และเชื่อมั่นว่า จะสามารถปิดการขายในเฟสแรกได้เร็วขึ้น ขณะนี้อยู่ในช่วงพิจารณาขยายการขายสู่เฟส 2 ต่อไป  | 
        
| . | 
| 
             ทั้งนี้ โครงการ ณุศาศิริ พระราม 2 เป็นบ้านเดี่ยวระดับบน ราคาขายเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท ทำเลดี ติดถนนพระราม 2 บนทางหลวงเชื่อมต่อสู่ภาคใต้ แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล ฯลฯ  | 
        
| . | 
| 
             นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้โครงการด้วยการพัฒนาพื้นที่ Community Mall ขนาดประมาณ 10,000 ตร.ม.บริเวณด้านหน้าโครงการ และมุ่งเน้นการผสมผสาน ความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตในรูปแบบที่เหมาะสมกับลักษณะการดำเนินชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย ตามสโลแกน Nusasiri N-Joy Living “นึกถึงบ้านหรู อยู่แล้วรื่นรมย์ ในสังคมคุณภาพ ต้อง ณุศาศิริ” โดยนำเสนอแบบมาตรฐาน 4 แบบ รวม 57 แปลง พื้นที่ใช้สอย 314–666 ตร.ม. ประกอบด้วย  | 
        
| . | 
| 
             แบบบ้าน YADA พื้นที่ใช้สอย 314 ตร.ม.3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ, แบบบ้าน MEZZANINE พื้นที่ใช้สอย 390 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ, แบบบ้าน THARA พื้นที่ใช้สอย 460 ตร.ม. 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และ แบบบ้าน GRAND PAVILLION พื้นที่ใช้สอย 666 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ซึ่งทุกแบบมีห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ ส่วน โฮม ออฟฟิศนั้นมี 1 แบบรวม 26 แปลง พื้นที่ใช้สอย 730 ตร.ม.  | 
        
| . | 
| 
             “จุดเด่นของบ้านณุศาศิริ พระราม 2 คือ เราเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งปรับเปลี่ยนแบบบ้าน เพิ่มเติมพื้นที่ใช้สอยจากแบบบ้านมาตรฐานได้ ณ ตั้งแต่วันเริ่มก่อสร้าง เช่น ปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องนอน, ห้องพระ, ห้องทำงาน, ห้องออกกำลังกาย, สระว่ายน้ำ, พื้นที่จอดรถ และอื่นๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการและลักษณะการใช้ชีวิตตามที่ลูกค้าต้องการ  | 
        
| . | 
| 
             เมื่อวันที่บ้านในฝันที่ลูกค้าต้องการสร้างเสร็จ ก็สามารถเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องทุบ รื้อ ให้วุ่นวาย โดยตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 พฤษภาคม ศกนี้ บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษมอบส่วนลด 15% ฟรีดอกเบี้ยปีแรก พร้อมของแถมอีกหลายรายการ สอบถามรายละเอียดที่ 02-895-5235-6” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าว  | 
        
| . | 
| 
             ด้านมุมมองต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2553 นั้น นายวิษณุ เทพเจริญ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า “ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ น่าจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยน่าจะเติบโตประมาณ 5-10% ซึ่งจะปรับตัวในทิศทางที่ค่อยเป็นค่อยไป และมีปัจจัยหนุนจากภาวะเศรษฐกิจไทย ที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยน่าจะขยายตัวเป็นบวกได้ที่ประมาณร้อยละ 3 – 3.5 จากที่หดตัวร้อยละ 3 ในปีที่ผ่านมา  | 
        
| . | 
| 
             ทั้งนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ น่าจะส่งผลต่อเนื่องไปสู่การกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้า ทำให้กลุ่มลูกค้า มีความมั่นใจต่อรายได้จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเริ่มกลับมามีความมั่นใจใน การตัดสินใจซื้อมากยิ่งขึ้น  | 
        
| . | 
| 
             อีกทั้งมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ ที่ต่ออายุให้อีก 2 เดือน จากเดิมสิ้นสุด 28 มีนาคม 2553 เป็น 31 พฤษภาคม 2553 ตลอดจนการแข่งขันในด้านการจัดรายการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ จะช่วยเร่งให้ผู้บริโภคกลุ่มที่มีความพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัย สามารถเร่งการตัดสินใจซื้อเพื่อให้ทันมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะยังคงทรงตัว ในระดับต่ำในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 น่าจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดที่อยู่อาศัยให้ขยายตัวได้  | 
        
| . | 
| 
             แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง อีกหลายด้าน เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ และเสถียรภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยขาดความต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเช่นกัน”  |