เนื้อหาวันที่ : 2010-05-04 09:29:36 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2339 views

โครงการพัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน

ก.อุตสาหกรรมต่อยอดการพัฒนาความร่วมมือภายใต้กรอบ GMS เดินหน้าศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทยตามเส้นทาง Eastern- Sub corridor

ก.อุตสาหกรรมต่อยอดการพัฒนาความร่วมมือภายใต้กรอบ GMS เดินหน้าศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทยตามเส้นทาง Eastern- Sub corridor

.

.

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อพัฒนาความได้เปรียบในเชิงเปรียบเทียบทางด้านทรัพยากร แรงงานและวัตถุดิบในประเทศเพื่อนบ้านมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศบนพื้นฐานของการพัฒนาที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน 

.

ในการนี้ สำนักงานฯ จึงได้ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์และจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมกับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากกรอบ ACMECS และกรอบ GMS ตามแนวพัฒนาเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor : NSEC)ซึ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมในเส้นทางเชื่อมโยงไทย-สปป.ลาว-สหภาพพม่า และจีนตอนใต้ (มณฑลยูนนาน)        

.

ล่าสุดในปีงบประมาณ 2552  สำนักงานฯ ได้ศึกษาต่อยอดการพัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมภายใต้กรอบ GMS โดยเน้นเส้นทาง Eastern-Sub Corridor  ซึ่งเชื่อมระหว่างมณฑลกวางสีทางตะวันตกของจีนและเมืองฮานอยในเวียดนาม และกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้  (Pan-Beibu Gulf Economic Cooperation : PBG) หรืออ่าวตังเกี๋ยในภาษาเวียดนาม

.

ซึ่งเป็นความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคล่าสุดที่ริเริ่มโดยรัฐบาลกวางสีของจีนเพื่อร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบอ่าวดังกล่าวในบริเวณทะเลจีนใต้ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์  อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และบรูไน   7  

.

โดยรัฐบาลกลางของจีนได้ยกระดับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ขึ้นเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติและในเดือนสิงหาคม 2009 ประเทศไทยได้เข้าร่วมกลุ่ม PBG เป็นสมาชิกในอาเซียนลำดับที่

.

วัตถุประสงค์ของโครงการ คือ เพื่อศึกษาและจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้กรอบ GMS ในเส้นทาง Eastern- Sub corridor และกรอบ PBG โดยการศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย เวียดนาม และจีน (กวางสี) โดยใช้แนววิเคราะห์ Interconnecting Diamond ซึ่งปรับประยุกต์จาก Diamond Model ของ  Michael E. Porter 

.

รวมทั้งศึกษา สำรวจและวิเคราะห์อุตสาหกรรมสำคัญของทั้ง 3 พื้นที่ศึกษา เพื่อกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายในสาขาหลักและสาขาย่อย  ทั้งนี้ โดยนำแนวคิดการวิเคราะห์ “โซ่คุณค่า” (Value Chain Analysis) มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์   ซึ่งผลการคัดกรองอุตสาหกรรมเป้าหมายใน 5 กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมเพื่อการบริโภค  อุตสาหกรรมเพื่อการอุปโภค  อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป  อุตสาหกรรมเบา และอุตสาหกรรมหนัก 

.

ผลปรากฎว่า อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของ 5 กลุ่ม เรียงตามลำดับ  ได้แก่  อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูป โดยกรณีศึกษานี้ไทยควรออกไปลงทุนในเวียดนาม โดยมีตลาดเป้าหมาย คือ ตลาดจีนตะวันตกซึ่งเป็นพื้นที่ Land Lock  รวมทั้งตลาดหลักอื่น ๆ ของโลก เช่น ญี่ปุ่น และยุโรป  อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง  ควรมีการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปขั้นสูงเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยางจาก

.

น้ำยางข้น เช่น  ถุงมือยาง ถุงยางอนามัย ใกล้แหล่งปลูกยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น  หนองคาย โดยมีตลาดเป้าหมาย คือ จีน สำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลัง ควรส่งเสริมให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพแปรรูปจากมันสำปะหลังในไทย โดยมีตลาดในมณฑลกวางสี โดยเฉพาะในนครหนานหนิงซึ่งมีนโยบายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ 

.

ในส่วนของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้  อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมรถยนต์  ผู้ประกอบการไทยยังไม่ควรออกไปลงทุนในเวียดนามและจีนในพื้นที่ศึกษาในขณะนี้  เนื่องจากยังไม่มีความได้เปรียบในด้านวัตถุดิบและค่าแรงงานโดยเฉพาะในเวียดนามที่ผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการแรงงานที่สูงกว่าในไทย 

.

นอกจากนี้  ในส่วนของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ไทยยังไม่มีความสามารถในการแข่งขันเชิงเปรียบเทียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะเกาหลีใต้ และอินเดีย 

.

ทั้งนี้ ในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ควรสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของผู้ผลิตรถยนต์จากจีนในไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีน
มีการปกป้องสูง และมีเงื่อนไขทางด้านการร่วมทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ประกอบกับไทยมิได้มีตราสินค้ารถยนต์เป็นของตนเองและยังพึ่งพิงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศส่งผลให้การผลิตและการตลาดยังคงต้องอิงกับการตัดสินใจของบริษัทแม่เป็นหลัก

.

สำหรับประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมในเส้นทาง Eastern Sub-corridor ภายใต้กรอบ GMS   จากการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์และการไหลเวียนของวัตถุดิบและสินค้าในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า การพัฒนาความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยจะต้องดำเนินการในสองด้านควบคู่กันไป คือ

.

การเพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูป/การผลิต และการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางใน สปป.ลาว และเวียดนามไปยังชายแดนจีนที่เมืองผิงเสียงสู่นครหนานหนิงในกวางสีเพื่อกระจายสินค้าต่อไปยังมณฑลอื่น ๆ ของจีน

.

สำหรับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้กรอบ PBG  มีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ เช่น  ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ/ภาคเหนือเพื่อป้อนตลาดจีน   การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการลงทุนในนครหนานหนิงและฮานอย  จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การย้ายฐานการผลิตอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความได้เปรียบเชิงห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ไปในประเทศเพื่อนบ้าน  

.

การรวมกลุ่มพันธมิตรของอุตสาหกรรมเป้าหมายในระบบโซ่คุณค่า  การพัฒนาแรงงานอุตสาหกรรมในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือท่าเรือคู่แฝดระหว่างท่าเรือไทยกับท่าเรือฝางเฉิง ท่าเรือชินโจวในกวางสีและท่าเรือไฮฟองในเวียดนาม เป็นต้น

.

ทั้งนี้  ในการแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ  สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมจะได้นำเสนอคณะกรรมการกำกับดูแลงานด้านต่างประเทศของกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาให้ความเห็นชอบและมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวตามภารกิจของหน่วยงานต่อไป

.
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม