เนื้อหาวันที่ : 2010-03-15 10:40:29 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1393 views

ไอซีที ตั้งเป้าไทยติด 1 ใน 3 สุดยอดดิจิตอลคอนเทนท์ของเอเชีย

ก.ไอซีที สร้างไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์ ตั้งเป้าหมายติดอันดับ 1 ใน 3 สุดยอดของเอเชีย ดึงรายได้แสนล้านบาทเข้าประเทศ

ก.ไอซีที สร้างไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์ ตั้งเป้าหมายติดอันดับ 1 ใน 3 สุดยอดของเอเชีย ดึงรายได้แสนล้านบาทเข้าประเทศ

.

.

ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยในงานแถลงข่าว “ความร่วมมือของ SIPA กับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติเพื่อ 3 โครงการยิ่งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์ ว่า การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์แห่งภูมิภาคเอเชียนั้น

.

เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของรัฐบาลภายใต้แผนปฏิบัติการ “ไทยเข้มแข็ง” ที่จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) ให้เป็นแหล่งรายได้ใหม่ของประเทศ โดยรัฐบาลได้วางเป้าหมายที่จะกระตุ้น “เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์” ให้มีการเจริญเติบโต และมีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจาก 12% เป็น 20% ของจีดีพี ในปี 2555 นี้

.

“สำหรับแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์นั้น จะเริ่มจากการสร้างศักยภาพให้ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์ รวมทั้งเป็น อุตสาหกรรมต้นน้ำ ของอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แอนนิเมชั่น เกมส์ คอมพิวเตอร์กราฟฟิค โฆษณา การทำซอฟแวร์โปรแกรมต่างๆ ไปจนถึงการทำเวบไซต์ เวบเพจ และSocial Network 

.

ซึ่งล้วนต้องเริ่มจากการสร้างเนื้อหาจากภาพและเสียง รวมถึงใช้ขั้นตอนการผลิตและอุปกรณ์การผลิตเช่นเดียวกับภาพยนตร์ทั้งสิ้น ให้เป็นที่ยอมรับว่า เป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย ซึ่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทยนั้นได้รับความสนใจจากผู้ผลิตภาพยนตร์จากฮอลลีวูดและทั่วโลกเข้ามาลงทุน ถ่ายทำ และใช้บริการ จ้างงานเป็นจำนวนมาก

.

โดยการดำเนินการเพื่อผลักดัน อุตสาหกรรมภาพยนตร์ นั้นกระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า และสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ จัดทำโครงการประกวดภาพยนตร์สั้นแห่งเอเชีย ภายใต้ชื่องาน FILM EXPO ASIA 2010 ซึ่งเป็นการประเดิมจัดงานมีเดียระดับโลกขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียที่มีความแปลกใหม่

.

สามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั่วโลกให้หันมามอง อุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์ ของไทย รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดิจิตอลฯ ทุกแขนง ทุกระดับ ได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้ผลิตภาพยนตร์จากทั่วโลก ซึ่งนำไปสู่การเปิดตลาดและการเจรจาธุรกิจของไทยในตลาดโลกอีกด้วย” ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ กล่าว

.

นาวาตรี ดร. วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า ได้แสดงความมั่นใจว่า ความโดนเด่นของงาน FILM EXPO ASIA 2010 นี้จะเป็นแรงผลักดันครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในความพยายามที่จะให้ประเทศไทย ก้าวขึ้นสู่การเป็นแถวหน้าของเอเชีย และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดด้าน “ดิจิตอลคอนเทนท์” ในตลาดโลกที่มีมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาทได้

.

ซึ่งปัจจุบันตลาดเอเชียนั้นมีมูลค่ารวมเกือบ 4 ล้านล้านบาทหรือกว่าร้อยละ 30 ของตลาดโลก ส่วนประเทศไทยนั้นเมื่อรวม “อุตสาหกรรมภาพยนตร์ แอนนิเมชั่น และดนตรี” เข้าไว้ด้วยกันแล้ว ก็มีโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายมีมูลค่าการตลาด “ดิจิตอลคอนเทนท์” กว่าแสนล้านบาทในระยะเวลาอันใกล้นี้

.

โครงการประกวดภาพยนตร์สั้นแห่งเอเชีย : FILM EXPO ASIA 2010 นี้ เป็นโครงการที่เปิดโลกทัศน์ใหม่ของการแสดงศักยภาพความเป็นที่หนึ่งของ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการจัดการแข่งขันประกวดภาพยนตร์สั้นในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของเอเชียและของโลกที่ได้มีการเชิญชวนคนจากทั่วโลกเข้าร่วมการประกวด

.

ซึ่งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายจำนวน 99 ทีม หรือ 198 คน จะได้เข้ามาแข่งขันถ่ายทำภาพยนตร์สั้นในเมืองไทยเป็นเวลา 30 วัน และส่งเข้าประกวดชิงรางวัลเงินสดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1 แสนเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านบาท โดยได้เปิดรับสมัครผู้สนใจสัญชาติเอเชียจากทั่วโลกเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที 1 มกราคม และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2553

.

โดยประกาศผลผู้เข้ารอบสุดท้าย 99 ทีมในเดือน พฤษภาคม 2553 เพื่อให้เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์สั้นส่งเข้าประกวดในช่วงเดือน มิถุนายน 2553 และจัดพิธีประกาศผลรางวัลในวันที่ 9 กรกฎาคม 2553 ซึ่งหัวข้อการประกวดในปี 2010 นี้ คือ ศรัทธาพระเจ้าอยู่หัวขับเคลื่อนชนชาวไทย ซึ่งภาพยนตร์ที่เข้าประกวดทั้ง 99 เรื่อง นี้จะได้รับการเผยแพร่ในประเทศผู้เข้าแข่งขันทั่วเอเชียอีกด้วย

.

“ในฐานะประชาชนคนไทย รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสจัดงานมีเดียระดับโลก และได้นำเรื่องราวการทรงงานยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลกจากมุมมองของผู้ผลิตภาพยนตร์หลากหลายชาติไปเผยแพร่ให้ประชาชนในเอเชียกว่า 40 ประเทศได้รับรู้” ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ กล่าวเพิ่มเติม

.

ส่วนนาวาตรี ดร. วุฒิพงศ์ กล่าวเสริมว่า  “ซิป้า ได้ใช้เงินลงทุนในโครงการ FILM EXPO ASIA ปีแรกนี้ 15 ล้านบาท และได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรในธุรกิจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ 20 สมาคม จึงทำให้ได้ผลงานที่คุ้มค่าทั้งในแง่การประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนท์

.

โดยเฉพาะในช่วง 30 วันที่คนจากทั่วโลกจะเข้ามาแข่งขัน จะเหมือน REALITY SHOW รายการหนึ่งที่มีผู้เข้าแข่งขันมากสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 200 คน และเงินรางวัลก็มีมูลค่าสูงสุดถึง 3.3 ล้านบาท

.

จึงถือเป็นการแสดงความแข็งแกร่งของไทยในเวทีเอเชีย และส่งผลต่อเนื่องไปสู่การเปิดตลาดดิจิตอลคอนเทนท์ของไทยในตลาดโลกเป็นอย่างดี ซึ่งซิป้าคาดหวังว่าเราจะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากผู้นำเอเชียปัจจุบันอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดียด้วย”

.

นอกจากโครงการ FILM EXPO ASIA 2010 แล้ว กระทรวงฯ ยังได้ร่วมมือ  ซิป้า และสมาพันธ์ภาพยนตร์ฯ จัดทำโครงการเพื่อช่วยผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอีก 2 โครงการ คือ โครงการอบรม Animation Youth Festival Asia 2010 โครงการส่งเสริมการพัฒนาด้านการฝึกอบรมในเรื่องภาพยนตร์ และ Visual Effect Asia Music Festival โครงการส่งเสริมการพัฒนาด้านการสร้างสรรค์ดนตรีประกอบสื่อดิจิตอลด้วย