เนื้อหาวันที่ : 2010-02-26 17:42:15 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1507 views

ดาคอนฯ เปิดเกมรุกบริการ RBI เน้นกลุ่มลูกค้ามาบตาพุด ตั้งเป้าปีนี้ 80 ล้านบาท

ดาคอนฯ ผนึก TUV SUD เผยบริการใหม่ล่าสุด การให้บริการการตรวจสอบทางวิศวกรรมบนพื้นฐานความเสี่ยง แบบครบวงจร เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมในมาบตาพุด คาดปีนีโกยรายได้ถง 80 ล้านบาท

ดาคอนฯ ผนึก TUV SUD เผยบริการใหม่ล่าสุด การให้บริการการตรวจสอบทางวิศวกรรมบนพื้นฐานความเสี่ยง  แบบครบวงจร  เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมในมาบตาพุด คาดปีนีโกยรายได้ถง 80 ล้านบาท

.

.

บริษัท ดาคอน อินสเป็คชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัทผู้นำด้านการตรวจสอบทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมน้ำมัน พลังงาน และปิโตรเคมี ผนึกกำลังกับ TUV SUD เผยบริการใหม่ล่าสุด คือ การให้บริการการตรวจสอบทางวิศวกรรมบนพื้นฐานความเสี่ยง (RBI) แบบครบวงจร

.

ซึ่งบริษัทฯนับเป็นผู้ประกอบการรายแรกในตลาดอุตสาหกรรมประเทศไทยที่ดำเนินการแบบครบวงจร มุ่งเน้นให้อุตสาหกรรมไทยตระหนักถึงการป้องกันแบบเชิงรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมในเขตมาบตาพุด ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท คาดว่าจะนำรายได้เข้าสู่บริษัทถึง 80 ล้านบาท ในปี 2553 นี้ 

.

“การตรวจสอบทางวิศวกรรมบนพื้นฐานความเสี่ยง (RBI) แบบครบวงจร ดังกล่าว เป็นการพัฒนาอีกขั้นซึ่งเหนือกว่าการตรวจสอบตามอายุการใช้งาน และสมบูรณ์แบบกว่าด้วยการให้บริการแบบครบวงจร โดยปรับรูปแบบโปรแกรมตามประเภทธุรกิจของลูกค้าโดยเฉพาะ ทำให้สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าอุตสาหกรรมใดก็ตาม

.

นับเป็นการยกระดับมาตราฐานอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าสากล เพราะก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการตรวจสอบพร้อมช่วยลดต้นทุนด้านต่างๆของลูกค้าในระยะยาวอีกด้วย” นายสามารถ พจน์ชัยธรรม ผู้จัดการทั่วไป กล่าว

.

“ในปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยหลายแห่งยังคงใช้การตรวจสอบตามอายุการใช้งานอยู่ ในขณะที่การตรวจสอบบนพื้นฐานความเสี่ยงนั้น เป็นที่แพร่หลายมานานแล้วในทวีปยุโรป และอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่การซื้อขาย Software การวางแผนการตรวจสอบเพียงอย่างเดียว

.

แต่ RBI ในรูปแบบครบวงจรของบริษัทฯ นั้น เราพัฒนาให้ครอบคลุมไปจนถึงกระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบจริง และออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับโรงงานนั้นๆโดยเฉพาะ ให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ ทำการตรวจสอบโดยนำปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่แปรผันของแต่ละโรงงานมาเป็นตัวประเมิน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มีความแม่นยำมากกว่า ทั้งยังส่งผลให้ลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งช่วยป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบเชิงรุกอีกด้วย” นายสามารถ กล่าวเสริม

.
ผลประโยชน์ของ RBI มีดังนี้ 

1. เป็นการลดต้นทุนและประหยัดพลังงาน เนื่องจากไม่ได้ใช้เวลาเป็นเครื่องตัดสินเพียงอย่างเดียว ตามอายุการใช้งานของอุปกรณ์ แต่คำนวณจากค่าเฉลี่ยความน่าจะเป็นของการเสียหายของอุปกรณ์ (อาทิ อุณหภูมิ แรงดัน ความกดอากาศ วัตถุดิบที่ใช้ผลิตในโรงงาน สภาวะความเป็นกรด-ด่าง เป็นต้น) กับความรุนแรงของผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการเสียหายนั้นๆ เพราะพื้นฐานปัจจัยเสี่ยงของแต่ละโรงงานไม่เหมือนกัน 

.

ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าจะเป็นโรงกลั่นน้ำมันเหมือนกัน แต่โรงหนึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ทะเล ก็จะมีสภาวะความเสี่ยงที่ต่างกัน และถึงแม้ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน พฤติกรรมในการใช้งานของอุปกรณ์ในโรงงานยังแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อประเมินแล้วสภาพอุปกรณ์จริงยังใช้งานได้อย่างสมบูรณ์อยู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องปิดไลน์การผลิต (shut down) ตามกำหนดเวลา จึงไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียเวลา พลังงาน และ กำลังคนโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย

.

2. เป็นการลดความเสี่ยงในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน เนื่องจาก RBI จะมีการเตือนและรายงานสภาพความพร้อมของอุปกรณ์ทุกชิ้นตลอดเวลา ช่วยให้เจ้าของโรงงานเกิดความตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ทำการเปลี่ยน หรือซ่อมก่อนที่จะชำรุด RBI เปลี่ยนพฤติกรรมการตรวจสอบ จากการแก้ไขปัญหาเป็นการป้องกันปัญหา เนื่องจากผู้ดูแลจะรู้ปัญหาก่อนที่จะเกิดการความเสียหาย

.

3. เป็นการช่วยให้เจ้าของโรงงาน รู้จักกับโรงงานมากขึ้น เนื่องจากการทำ RBI จะต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการทำงานของโรงงาน และหลังจากการใช้ RBI ซึ่งจะช่วยให้ผู้ควบคุมโรงงานรู้ถึงจุดที่มีความเสี่ยงสูงหรือต่ำและทราบทิศทางแนวโน้มความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

.

4. RBI จะเป็นเสมือนคำมั่นในองค์กร ระหว่างผู้บริหารกับพนักงาน เฉกเช่นเดียวกันกับระบบ ISO ที่จะช่วยผลักดันทั้งกระบวนการของการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ยกตัวอย่างเช่น หาก RBI ระบุว่าจะต้องทำการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง ฝ่ายบริหารจำเป็นต้องจัดงบประมาณออกมาเพื่อรองรับ ซึ่งในอนาคต RBI จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะยกระดับอุตสาหกรรมให้ได้มาตราฐานเดียวกัน 

.

“ผมเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมควรดำเนินอยู่บนพื้นฐานธรรมาภิบาลของแต่ละบริษัท ทั้งนี้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆจะมีส่วนช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมในประเทศเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น ควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกันกับชุมชน และการรักษาสิ่งแวดล้อม” นายสามารถกล่าวปิดท้าย