เนื้อหาวันที่ : 2007-01-15 09:34:53 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1246 views

คลังยังไม่ปรับเป้าหมายรายได้ปีงบ 50 ใหม่

กระทรวงการคลัง เตรียมเข้ามอบนโยบายจัดเก็บรายได้หลักทั้ง 3 กรม ทั้งกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ขณะที่ยอมรับผลจากเหตุการณ์ระเบิดก่อนหน้านี้ที่จะมีผลกระทบต่อการบริโภค

สำนักข่าวไทยรายงานข่าวนายสมหมาย  ภาษี เตรียมเข้ามอบนโยบายแก่ข้าราชการกรมจัดเก็บรายได้หลักทั้ง 3 กรม ในสัปดาห์หน้า  ทั้งกรมสรรพากร  กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ในสัปดาห์นี้  ขณะที่ยอมรับผลจากเหตุการณ์ระเบิดก่อนหน้านี้ที่จะมีผลกระทบต่อการบริโภคและการท่องเที่ยวอาจกระทบรายได้รัฐบาล  แต่กระทรวงการคลัง ยังไม่ปรับเปลี่ยนประมาณการรายได้ปีงบประมาณ 2550 ใหม่

 .

นายสมหมาย  ภาษี  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวว่า  ในวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.) จะเข้ามอบนโยบายการทำงานให้แก่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และในช่วงกลางสัปดาห์ จะมอบนโยบายให้แก่กรมสรรพสามิต รวมทั้งกรมศุลกากร ต่อไป โดยในประเด็นเรื่องของการจัดเก็บรายได้  ยอมรับว่า  เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ  ก่อนหน้านี้  ทำให้การบริโภค  การท่องเที่ยวชะงักลงไปบ้าง  การจัดเก็บรายได้ของรัฐในปีงบประมาณ  2550 จึงต้องประเมินและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  แต่คงไม่สามารถปรับเป้าหมายได้ง่ายเหมือนตัวเลขเศรษฐกิจ โดยจะขอรับฟังข้อมูลของแต่ละกรมก่อน  ว่าจะมีแนวทางการดำเนินการอย่างไรบ้าง

 .

สำหรับประมาณการรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2550 จำนวน 1.42 ล้านล้านบาท  มาจากกรมสรรพากร  65,249 ล้านบาท  กรมสรรพสามิต 23,853 ล้านบาท  กรมศุลกากร 7,450 ล้านบาท  ที่เหลือมาจากหน่วยงานอื่น

 .

นายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร  กล่าวว่า  หลังจากรับทราบนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  และอธิบดีกรมสรรพากร คนใหม่แล้ว  จะกำหนดทิศทางการจัดเก็บภาษีได้ชัดเจน โดยเห็นว่า น่าจะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร  เพื่อสร้างกรอบคุ้มครองการจัดเก็บภาษีของเจ้าหน้าที่  เพราะเดิมรัฐบาลได้มีนโยบายให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ  หรือผู้มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีเมื่อดึงเข้ามาอยู่ในฐานภาษี  โดยไม่ต้องมองอดีต  แต่ให้มองไปข้างหน้า  ซึ่งอาจทำให้มีผลต่อการจัดเก็บของเจ้าหน้าที่ได้  เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นภายหลัง  และที่ผ่านมา ได้มีการนิรโทษกรรมการเสียภาษีบางส่วนแต่สัดส่วนไม่มากนัก รวมทั้งอาจจะมีการหารือเกี่ยวกับการขยายฐานภาษีสำหรับผู้มีเงินได้ทุกคน  แม้ยังมีรายได้ยังไม่ถึงขั้นต้องเสียภาษี  เพื่อต้องการมีข้อมูลในฐานภาษี

 .

นอกจากนี้  กรมสรรพากรยังเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงระบบภาษีอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน  และเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีทุกฝ่าย  โดยเรื่องที่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายแล้ว  ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการคลัง   ซึ่งกรมสรรพากร จะไม่นำกลับมาทบทวนอีก  โดยเฉพาะเรื่องการเพิ่มวงเงินการหักค่าใช้จ่ายที่หักค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ขยายเพิ่มเป็นไม่เกิน  100,000 บาท  จากเดิมที่กำหนดให้หักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 40  แต่ไม่เกิน 60,000 บาท

 .

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันศุกร์ที่ผ่านมา  อธิบดีใหม่ของแต่ละกรมได้ทยอยเริ่มเข้าไปทำงานในกรมต่าง ๆ แล้ว ทั้งนายวิสุทธิ์  ศรีสุพรรณ  อธิบดีกรมสรรพสามิต  นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพกร นายชวลิต  เศรษฐเมธีกุล อธิบดีกรมศุลกากร  นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์  อธิบกรมธนารักษ์  เพื่อเข้ารับฟังข้อมูลจากราชการและเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มกราคม 2550