เนื้อหาวันที่ : 2007-01-10 09:55:41 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1397 views

ทุนต่างชาติเตรียมเผ่น หลังรัฐบาลแก้ไขกฎหมายคุมเข้มธุรกิจคนต่างด้าว

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พร้อมให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจ

สำนักข่าวไทยรายงานข่าวคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พร้อมให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล นัดหอการค้าต่างประเทศชี้แจงวัน 10 ม.ค. ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เชื่อต่างชาติจะเข้าใจและไม่ถอนการลงทุนออกจากประเทศไทย

.

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (9 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ พร้อมตั้งข้อสังเกตสำคัญให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้เกิดความรัดกุมมากขึ้น เพราะจะมีผลกระทบทั้งภายในประเทศและกระทบต่อผู้ลงทุนในภาพกว้าง โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ชี้แจงต่อไป โดยคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องที่ชาวต่างชาติจะถอนการลงทุนออกไปด้วย คิดว่าสิ่งที่เป็นธรรมและโปร่งใส น่าจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นคำตอบที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น

.

ต่อข้อถามว่าได้รับจดหมายจากบรรดาหอการค้าต่างประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้รับ แต่คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีคณะกรรมการกลั่นกรองเข้าไปดูแลอยู่แล้วก่อนที่จะนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี เมื่อถามว่าการบังคับใช้กฎหมายท่ามกลางความไม่มั่นใจของนักลงทุนถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องใช้เวลาสักพัก ถ้าสามารถชี้แจงทำความเข้าใจและให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับทราบและมีส่วนร่วม ก็จะเห็นว่ามีการเปิดเผยเรื่องความเป็นธรรมและโปร่งใสอย่างไรบ้าง

.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่แก้ไขใหม่ ได้แก้ไขคำจำกัดความของบริษัทต่างชาติที่ต้องเป็นบริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้นถึงร้อยละ 50 รวมถึงหุ้นที่ให้คนไทยถือแทนด้วย (นอมินี) และกำหนดให้การออกเสียง (โวตติ้ง ไรท์) ของต่างชาติหากเกินร้อยละ 50 ต้องเข้าข่ายปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้เพื่อไม่ให้เกิดการครอบงำบริษัทไทย แต่การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้จะทำให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจและจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบ จึงได้กำหนดเวลาเพื่อให้ภาคเอกชนได้มีเวลาปรับตัวและแก้ไขให้ถูกต้อง โดยกรณีของการออกเสียง (โวตติ้ง ไรท์) หากเป็นธุรกิจประเภทที่ 3 เช่น ธุรกิจบริการต่าง ๆ กำหนดให้แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ว่าบริษัทตนเองได้ดำเนินการออกเสียงของหุ้นต่างชาติเกินกว่าร้อยละ 50 อยู่แล้ว ภายในเวลา 1 ปี นับจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ จากนั้นก็สามารถดำเนินการต่อไปได้เลย

.

แต่หากเป็นประเภทธุรกิจที่อยู่ในบัญชี 1 และ 2 ซึ่งเป็นธุรกิจที่สงวนไว้ให้กับคนไทย กำหนดให้มาแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ภายใน 1 ปี และกำหนดให้ปรับลดการออกเสียงของต่างชาติไม่ให้เกินร้อยละ 50 ภายในเวลา 2 ปี นับจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ส่วนกรณีที่เป็นนอมินีหรือให้คนไทยถือหุ้นแทน หากเป็นธุรกิจในบัญชีที่ 3 หากรวมแล้วมีต่างชาติถือหุ้นขเกินกว่าร้อยละ 50 กำหนดให้บริษัทแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ภายในเวลา 90 วัน นับจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ จากนั้นจึงให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้เลยโดยไม่ต้องปรับลดหุ้นลงแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นธุรกิจในบัญชีที่ 1 และ 2 กำหนดให้แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ในเวลา 90 วัน และให้ปรับลดจำนวนหุ้นลงไม่เกินร้อยละ 50 ภายในเวลาไม่เกิน 1 ปี 

.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายทั้งหมดเพื่อให้ธุรกิจต่างชาติที่มาลงทุนในไทยนานแล้วให้เดินต่อไปได้อย่างถูกต้องต่อไป แต่หากเป็นบริษัทใหม่ที่เข้ามาดำเนินการ หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้จะต้องดำเนินการตามกฎหมายใหม่อย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องของการออกเสียงและการถือหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการตามหลักสากลเช่นเดียวกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่อไป โดยในวันที่ 10 มกราคมนี้ จะเชิญสมาชิกหอการค้าต่างประเทศมาชี้แจงและทำความเข้าใจอย่างละเอียด ส่วนรายละเอียดของกฎหมายทั้งหมดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะเห็นชอบหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจต่างชาติที่อกสั่นขวัญแขวนกันมากเพราะไม่ชัดเจนและไม่เข้าใจรายละเอียดของกฎหมาย แต่เชื่อว่าเมื่อชี้แจงรายละเอียดแล้วจะทำให้ทุกคนสบายใจ ขณะเดียวกันบริษัทที่อยู่ในบัญชี 1, 2 และ 3 มีเป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับบริษัททั้งหมดในไทยที่มีอยู่กว่า 540,000 บริษัท จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด

.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หารือเรื่องการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวยาวนานที่สุด เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อนักลงทุนต่างประเทศ จึงกำชับให้รัฐมนตรีที่มีหน้าที่ให้ข่าวมีเพียง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและกำชับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงสถานทูตและนักลงทุนต่างประเทศให้ทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างประเทศ และยังเป็นห่วงว่าจะมีการถอนทุนออกไปหรือไม่ เพราะปัจจุบันมีบริษัทที่ถูกร้องเรียนอยู่ 16 บริษัท ดังนั้น จึงต้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบรายละเอียดของกฎหมายให้ชัดเจนอีกครั้ง

.

นายเกริกไกร กล่าวว่า ร่างแก้ไขกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้แก้ไขคำจำกัดความของคำว่าต่างด้าว ซึ่งบริษัทใดที่มีคนต่างด้าวมาลงทุนและมีสิทธิ์ออกเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งให้ถือว่าเป็นคนต่างด้าว โดยจะต้องมารายงานการดำเนินธุรกิจภายใน 1 ปี นับจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ซึ่งได้กำหนดไว้ในบัญชีต่าง ๆ แบ่งเป็นบัญชี 1 ที่เป็นบัญชีห้ามให้คนต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจ เช่น ทำไร่ ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ถือเป็นธุรกิจสงวนไว้ให้กับคนไทยเท่านั้น ส่วนบัญชี 2 เป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจความมั่นคง ศิลปะ และวัฒนธรรม ต่างชาติสามารถดำเนินธุรกิจได้ แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้ากระทรวงนั้น ๆ รวมถึงคณะรัฐมนตรี และบัญชี 3 เป็นการเปิดกว้างที่ต่างชาติสามารถเข้ามาดำเนินธุรกิจได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก่อนถึงจะสามารถดำเนินธุรกิจได้

.

ส่วนบริษัทที่เป็นนอมินีตามมาตรา 35 มาตรา 36 และมาตรา 37 จะต้องมาแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายใน 90 วัน และแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่หากพ้นกำหนดเวลาและตรวจพบจะต้องดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยได้เพิ่มโทษปรับจากกฎหมายเดิมปรับไม่เกิน 100,000 บาท - 1 ล้านบาท เพิ่มเป็นปรับตั้งแต่ 500,000 บาท - 1 ล้านบาท และจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิ่มโทษปรับรายวันจากเดิมวันละ 10,000-50,000 บาท เป็นปรับวันละ 50,000-250,000 บาท นอกจากนี้ ได้เพิ่มกรณีภาคธุรกิจค้าส่งค้าปลีกต่างด้าวที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยจากเดิมหากเงินลงทุนไม่ถึง 100 ล้านบาท ไม่ต้องขออนุญาต

.

แต่กฎหมายใหม่ไม่ว่าจะเป็นเงินลงทุนจำนวนเท่าใด หากเป็นธุรกิจต่างด้าวจะต้องขออนุญาตทั้งสิ้น และยังแก้ไขในส่วนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตแต่อย่างใด รวมถึงให้ตัดภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงินหลักทรัพย์และภาคธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพราะภาคธุรกิจเหล่านี้มีกฎหมายทางด้านการเงินเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว รวมถึงภาคธุรกิจสื่อสารและคมนาคมต่าง ๆ จะมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่แล้ว แต่เปิดทางสามารถนำกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเข้ามาบังคับใช้ได้

.

นายเกริกไกร กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์จะปรับปรุงคณะกรรมการการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวใหม่ จากเดิมคณะกรรมการที่มาจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเกินกว่า 20 คน ซึ่งเห็นว่ามีมากเกินไปจึงจะปรับลดจำนวนคนให้เกิดความเหมาะสมยิ่งขึ้น และจะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่จะเข้ามาดูแลกิจกรรมด้านการประกอบธุรกิจทั้งระบบให้มากขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปตรวจสอบทุกธุรกิจที่เพิ่มขึ้น

.

ผมไม่เชื่อว่าเกณฑ์ที่มีการแก้ไขร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวครั้งนี้ จะทำให้ต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจและถอนการลงทุนจากไทยไปประเทศอื่น ๆ เพราะรัฐบาลตระหนักดีต้องการเข้ามาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นระบบสากลและเป็นธรรมต่อการแข่งขันมากกว่าที่จะเข้ามาทำลาย ดังนั้น จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากกว่าเสียผลประโยชน์ โดยข้อเท็จจริงภาครัฐเปิดโอกาสให้ผู้ที่ดำเนินธุรกิจทั้งของคนไทยและต่างด้าวปรับตัว ซึ่งให้ระยะเวลาเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป ที่สำคัญผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายเดิมไม่ว่าจะจงใจหรือกฎหมายเปิดช่องไว้ก็ตามก็เปิดโอกาสให้ปรับตัวและดำเนินธุรกิจให้ถูกต้อง หากเห็นว่ายังฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายที่กำหนดไว้ นายเกริกไกร กล่าว

.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงกรณีการถือหุ้นแทนของบริษัทกุหลาบแก้วว่า เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งฟ้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินคดีตามความผิดของกฎหมายแล้ว ซึ่งความผิดในฐานใดนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตำรวจ แต่เมื่อผลออกมาอย่างไรหากบริษัทกุหลาบแก้วจะปรับปรุงการถือหุ้นหรือปรับปรุงการประกอบธุรกิจสามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องแจ้งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทราบภายใน 90 วัน และให้ปรับตัวได้ไม่เกิน 1 ปี ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป.