เนื้อหาวันที่ : 2009-12-22 11:32:56 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1724 views

เชฟโรเลต ผนึกกำลังบริษัทชั้นนำระดับโลกเปิดตัวกิจกรรม Global Road Safety

เชฟโรเลต ผนึกกำลังบริษัทชั้นนำระดับโลก เปิดตัวกิจกรรมรณรงค์เพื่อความปลอดภัยทางถนน หรือ Global Road Safety เฟสสอง

.

เชฟโรเลต ผนึกกำลังบริษัทด้านพลังงานและยานยนต์ระดับโลก ร่วมปฏิณญาว่าด้วยความร่วมมือสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่อง 5 ปีสำหรับการดำเนินกิจกรรมเฟสสองของโครงการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยทางถนน อันเป็นการรวมตัวของภาครัฐและเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนน และการคมนาคมของประเทศกำลังพัฒนาที่มีระดับรายได้ต่ำถึงปานกลาง อันจะนำไปสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน 

.

โครงการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน (Global Road Safety Initiative - GRSI) นี้จะได้รับการบริหารจัดการโดยกลุ่มพันธมิตรเพื่อความปลอดภัยทางถนนสากล หรือ Global Road Safety Partnership (GRSP) อันเป็นองค์กรซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยไม่หวังผลกำไรภายใต้สหพันธ์สภากาชาด และสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (International Federation of the Red Cross and Red Crescent Societies) โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

.

คณะผู้แทนจากเชฟโรแลต มิชลิน เรโนลต์ และเชลล์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือครั้งนี้ ณ การประชุมรัฐมนตรีโลกว่าด้วยหัวข้อความปลอดภัยทางถนนครั้งแรก (The First Global Ministerial Meeting on Road Safety) ณ กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ โดยมีบริษัทชื่อดังระดับโลกอื่นๆ เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

.

“การคมนาคมคือกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่งคั่ง มันคือกุญแจในการนำไปสู่ความเติบโตและความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจสำหรับประชาชนกว่าพันล้านคน” มร. แพทริค เลเพอร์ค รองประธานฝ่ายกิจการสาธารณะของมิชลิน สมาชิกโครงการและกรรมการกลุ่มพันธมิตร GRSP กล่าว

.

“อย่างไรก็ตาม เรายังได้ตระหนักว่าการขับเคลื่อนต่างๆ ในการคมนาคมนั้นได้สร้างวิกฤตการณ์ระดับโลกอันนำมาสู่ความสูญเสียกว่า 1.2 ล้านชีวิตและก่อให้เกิดผู้บาดเจ็บกว่า 50 ล้านคนในแต่ละปี

.

โดยปัญหานี้ก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่ารวมมากกว่า 6 หมื่น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปีในประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลางซึ่งมีความเติบโตของการคมนาคมที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยภาคธุรกิจควรที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยรณรงค์พัฒนาปรับปรุงวิกฤตที่เกิดขึ้นกับมวลมนุษยชาติเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง”

.

ในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางซึ่งจะมีอัตราการใช้จ่าย 1 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีหรือผลผลิตมวลรวมภายในประเทศไปกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งก่อให้เกิดความล่าช้าในการพัฒนาศักยภาพของชุมชน เป็นอุปสรรคต่อการหารายได้สู่ครอบครัว เป็นภาระต่อระบบสุขภาพและขัดขวางต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ

.

ในฐานะบริษัทระดับโลก สมาชิกของโครงการ GRSI ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนนที่มีต่อพนักงาน ชุมชนต่างๆ และลูกค้าของบริษัท การปรับปรุงสิ่งแวดล้อมทางถนนจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดในการสร้างความมั่นคงให้กับปัจจัยการดำเนินธุรกิจ

.

.

โครงการนี้ได้รับการริเริ่มขึ้นในปี 2004 โดยกลุ่มบริษัทชั้นนำระดับโลก และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 5 ปี โดยมีผลงานอันเป็นประโยชน์มากมายดังต่อไปนี้:

.

- อัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ได้ลดลงเป็นจำนวนมากในเมืองต่างๆ ของประเทศบราซิลหลังจากที่ได้มีการนำโปรแกรม Proactive Partnership Strategy ของ GRSP เข้ามาใช้ โดยเป็นการนำระบบการบูรณาการความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ ของรัฐบาล (คมนาคม สุขภาพ และการศึกษา) เข้ากับภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจในการสร้างความพยายามร่วมกันเพื่อความปลอดภัยทางถนน

.

- ลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงกว่า 1,577 คนในประเทศเวียดนามในปี 2008 จากปี 2007 หลังจากได้มี
- การประกาศกฎหมายใหม่ในการใช้หมวกนิรภัยในขณะขับขี่ ภายใต้การสนับสนุนจาก GRSI และพันธมิตรอื่นๆ

.

- มีอัตราการใช้หมวกนิรภัยในประเทศกัมพูชา ไทย และเวียดนาม เพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการบังคับใช้ทางกฎหมายและการให้ความรู้ความเข้าใจอย่างทั่วถึง

.

- อัตราการเมาขณะขับรถลดลงประมาณ 63 เปอร์เซ็นต์ ใน 2 เมืองของประเทศจีน หลังจากที่ได้มีการจัดแคมเปญรณรงค์ต่างๆ ไปยังประชาชน

.

- โครงการด้านการปรับปรุงสี่แยกต่างๆ และการปกป้องผู้ใช้ถนนที่มีความเสี่ยงสูง (คนเดินเท้า ผู้ขับขี่จักรยานและรถจักรยานยนต์) ในนครปักกิ่งได้ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการจราจรที่ลดลง ช่วยลดความเร็วในการขับขี่ และปรับปรุงพฤติกรรมในการใช้ถนนที่ดีขึ้น

.

นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้มีการสนับสนุนการพัฒนาและการใช้หลักปฏิบัติอันดีที่ยอมรับในระดับสากล (จากคู่มือการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางถนนในการใช้เข็มขัดนิรมัย หมวกนิรภัย การบริหารความเร็วในการขับขี่ และการขับขี่ในขณะมึนเมา โดยกลุ่มความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนนแห่งสหประชาชาติ)

.

โดยทาง GRSI ได้ให้การสนับสนุนโครงการนำร่องอันมีวิธีการปฏิบัติที่สามารถพิสูจน์ได้จริงว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ โครงการทั้งหมดของ GRSI ประกอบไปด้วยสาระสำคัญอันเป็นองค์ประกอบของการศึกษาขั้นต้นและการเปรียบเทียบผลกระทบก่อน-หลัง

.
“ผลงานโดยตรงที่สำคัญ”

ในปี 2008 ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางถนนอันทรงคุณวุฒิอิสระ 2 ท่าน (ริชาร์ด สเคอร์ฟิลด์ และเคท แม็คมาน) รายงานว่า โครงการของ GRSI ได้มีบทบาทที่สำคัญในการเผยแพร่ความรู้ในการปฏิบัติอันดีเพื่อความปลอดภัยทางถนนในประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ:

.

ผู้เชี่ยวชาญได้รายงานว่า “โครงการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยทางถนนได้ยังผลโดยตรงที่มีความสำคัญต่อการประยุกต์ใช้กฎข้อบังคับในรายงานการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนแห่งโลก (The World Report for Road Injury Prevention) กล่าวคือเป็นคู่มือแนวทางการปฏิบัติในการใช้ 4 อุปกรณ์ลดความเสี่ยงภัยอันประกอบด้วย เข็มขัดนิรภัย หมวกนิรภัย การใช้ความเร็วในการขับขี่ และการขับขี่ในขณะมึนเมา”

.

สำหรับธุรกิจ ทาง GRSI ได้เปิดโอกาสให้เกิดการสร้างระบบความปลอดภัยที่สามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแหล่งต้นทุนได้รับการเพิ่มมูลค่าขึ้นผ่านทางการร่วมมือของประเทศพันธมิตรต่างๆ

.

“เราได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างมากสำหรับคอนเซ็ปต์ของการรวมกลุ่มเป็นพันธมิตร อันเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงรัฐวิสาหกิจอีกด้วย” มร. เดวิด เลอวิส กรรมการ GRSI และผู้จัดการหน่วยความปลอดภัยและความมั่นคงสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (HSSE) ของบริษัทเชลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม กล่าว

.

“ผมเชื่อว่าเราได้สร้างศักยภาพจากการทำงานร่วมกัน ด้วยความพยายามและการร่วมแรงร่วมใจของทั้ง 3 ฝ่ายจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมากกว่าการทำงานแบบแยกส่วนกัน”

.

มร. เบรนท์ เดอวาร์ รองประธาน เชฟโรแลต แสดงความเห็นด้วยและกล่าวว่า “การปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนที่จะช่วยรักษาชีวิตของผู้คนเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับลูกค้า พนักงาน รวมถึงชุมชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา โครงการ  GRSI ได้สร้างความพัฒนาอย่างแท้จริงจากกิจกรรมเฟสที่หนึ่ง

.

เชฟโรแลตมีความภาคภูมิใจที่จะสานต่อการมีส่วนร่วมในเฟสต่อไป โดยเราหวังว่าจะได้ต้อนรับบริษัทั้จะเข้ามาสนับสนุนกับโครงการอันเป็นการร่วมมือของภาคเอกชนนี้มากขึ้นตั้งแต่ในระยะแรกเริ่มของการปฏิบัติงาน”

.

“ด้วยการสานต่อพันธสัญญาอีกครั้งหนึ่งของเราต่อโครงการ GRSI เรโนลต์ได้ร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศกำลังพัฒนาและภูมิภาคต่างๆ เพื่อการบรรลุถึงระบบการคมนาคมที่มีความยั่งยืน ในขณะเดียวกันเรายังได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากประเทศที่มีรายได้สูงมาใช้เป็นบทเรียนเพื่อการลดผลกระทบแง่ลบจากการขนส่ง” แคลร์ มาร์ติน รองประธานฝ่าย CSR ของเรโนลต์ กล่าว

.

โครงการในเฟสสองจะเน้นหนักไปยังการสนับสนุนภายใต้หัวข้อ “Decade of Action on Road Safety” อันเป็นหัวเรื่องสำคัญที่ได้รับการอภิปรายในการประชุม The First Global Ministerial Conference on Road Safety ณ กรุงมอสโคในอาทิตย์นี้

.
ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับโครงการนี้

โครงการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยทางถนน (Global Road Safety Initiative – GRSI) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2004 โดย 7 บริษัทชั้นนำของโลก ได้แก่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ฟอร์ด ฮอนด้า มิชลิน เชลล์ เรโนลต์ และโตโยต้า โดยได้จัดสรรงบประมาณกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการดำเนินงาน 5 ปี ในการรณรงค์ด้านความปลอดภัยทางถนนให้กับโครงการนำร่องต่างๆ ในประเทศบราซิล จีน และกลุ่มประเทศอาเซียน

.

เป้าหมายของ GRSI คือการลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วยการใช้หลักปฏิบัติจากโครงการสาธิตมาเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยง โดยยึดถือหลักปฏิบัติอันดี (Good Practice) ในการใช้ถนนที่รวมถึงการสวมหมวกนิรภัย การบริหารความเร็วในการขับขี่ยวดยาน การขับขี่ขณะมึนเมา และการคาดเข็มขัดนิรภัย

.

กลุ่มพันธมิตรเพื่อความปลอดภัยทางถนนสากล (Global Road Safety Partnership - GRSP) อันเป็นองค์กรซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยไม่หวังผลกำไรในปี 1999 เพื่อสืบสานภารกิจในการลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างยั่งยืนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีระดับรายได้ต่ำถึงปานกลาง GRSP ก่อตั้งขึ้นภายใต้สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (International Federation of the Red Cross and Red Crescent Societies) ในนครเจนีวา

.

และเป็นการรวมตัวของภาครัฐเอกชนและรัฐวิสาหกิจในการหาข้อสรุปอันยั่งยืนเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับกลุ่มประเทศที่มีระดับรายได้ต่ำถึงปานกลางซึ่งมีการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์

.

สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ  (International Federation of the Red Cross and Red Crescent Societies) เป็นองค์กรมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีภารกิจหลักในการให้ความช่วยเหลือโดยไม่เลือกปฏิบัติในเรื่องสัญชาติ เชื้อชาติ ความเชื่ทางศาสนา ชนชั้น วรรณะ การศึกษา หรือ ความคิดเห็นทางการเมือง ก่อตั้งขึ้นในปี 1919  สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศมีสมาชิกถึง 186 ประเทศ รวมถึงพันธมิตรอื่นๆ

.

โดยมีสำนัก เลขาธิการ ในนครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และสำนักงานตัวแทนอีกกว่า 60 แห่งในประเทศต่างๆทั่วโลก โดยมีการดำเนินกิจกรรมของสหพันธ์ผ่านทางความร่วมมือระหว่างสมพันธ์ระหว่างประเทศ สมาคมระดับชาติ และคณะกรรมการกาชาดสากล (International Committee of the Red Cross - ICRC)