เนื้อหาวันที่ : 2022-06-24 23:10:05 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1255 views

อรูบ้าแนะโรงงานอุตสาหกรรมใช้ AIOps ผนวก IT กับ OT ให้เป็นหนึ่งเดียวฝ่าอุปสรรคหลังยุคโควิด

โดย : Kwong Hui Tan ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง/มาเก๊า บริษัท อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือฮิวเล็ตต์แพ็กการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์

ยุคหลังการแพร่ระบาดโควิดส่งผลต่อโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะต้องปรับเปลี่ยนตนเองเข้าสู่เส้นทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้เท่าทันหรือล้ำหน้าคู่แข่งทั่วโลกด้วยการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและโซลูชันที่เหมาะสมเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาของการปฏิบัติงานที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่
1. ความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน (Safety)
2. ความทนทานต่อสภาพแวดล้อมในโรงงานที่รุนแรง (Harsh Environment)
3. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ (Security)
4. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ระบบว่าสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ (Reliability) ทั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

อรูบ้าแนะนำแนวทางที่องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ด้วยการใช้โซลูชันที่มีองค์ประกอบของ AIOps (Artificial Intelligence for IT Operations) ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการนำความสามารถของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยในการดูแลและวิเคราะห์ ปรับเปลี่ยนระบบเครือข่ายได้อย่างอัตโนมัติ พร้อมช่วยผสานการทำงานระหว่าง IT และ OT โดยอรูบ้าได้เสนอโซลูชันดังต่อไปนี้

1. ปลอดภัยไว้ก่อนเสมอ
หลังการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาเริ่มซาลง โรงงานต่าง ๆ ต้องการกลับไปทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาดและสามารถทำการผลิตได้อย่างมีเสถียรภาพเช่นเดิม แต่การรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานให้ปลอดภัยหากโรคระบาดกลับมาใหม่ยังคงเป็นเรื่องที่โรงงานต่างกังวล จากการศึกษาของ McKinsey พบว่าบริษัทผู้ผลิตในเอเชียส่วนใหญ่ระบุว่าการใช้มาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เช่น การเว้นระยะห่างอย่างปลอดภัยเป็นมาตรการที่ยังคงความสำคัญสูงสุด อย่างไรก็ตามโรงงานยังคงลังเลเรื่องประสิทธิภาพในการผลิตที่อาจจะลดลงและยังต้องการให้พนักงานกลับไปทำงานในระยะห่างที่ใกล้กันเท่าเดิมก่อนโรคระบาด
ไม่มีความจำเป็นต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยของพนักงานและประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งสองเรื่องนี้ควรควบคู่ไปด้วยกัน โรงงานต่าง ๆ สามารถทำได้โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุก ๆ แห่งในบริเวณโรงงานนั้นมีสัญญาณระบบเครือข่ายให้เชื่อมต่อได้เป็นอย่างดีและพนักงานทุกคนมีอุปกรณ์การทำงานที่มีการเชื่อมต่ออย่างเหมาะสม โดยการใช้โซลูชัน Wi-Fi และ Bluetooth ของอรูบ้าทำให้สามารถดำเนินการติดตามเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงการติดตามและติดต่อพนักงานทุกคนในบริเวณโรงงานได้ตลอดเวลา อรูบ้าสามารถทำการรวมรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้แบนด์วิดธ์ทั้งหมดบนพื้นที่การผลิต ทำให้สามารถจัดหาโซลูชันที่ให้บริการพื้นที่ในขนาดต่าง ๆ ที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับบริษัทต่าง ๆ ในการกลับไปทำงานอย่างปลอดภัยโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงาน

2. อุปกรณ์ปลายทางอัจฉริยะ (Intelligent Edge) ที่สามารถทำงานได้ในสภาพสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง
พื้นที่การผลิตในโรงงานบางพื้นที่มีสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง โดยมีอุณหภูมิสูง ไอระเหยที่ติดไฟได้ และความเข้มข้นของฝุ่นสูง ตัวแปรเหล่านี้อาจจะอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ในระยะยาวบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องปกป้องความสมบูรณ์ในการทำงานของอุปกรณ์ของตนในพื้นที่จากปัจจัยด้านสภาวะแวดล้อมเหล่านี้ ท้ายที่สุดหากเกิดชำรุดการเปลี่ยนทดแทนอุปกรณ์ในโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อพิจารณาถึงราคาของอุปกรณ์และการหยุดชะงักในการทำงานโดยไม่จำเป็นเพื่อนำอุปกรณ์ออกมาซ่อมแซม
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สามารถป้องกันความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างง่ายดายโดยใช้อุปกรณ์ปลายทางอัจฉริยะ (Intelligent Edge) ที่เหมาะสม อย่างเช่น อุปกรณ์ Access Points (APs) ของอรูบ้าในรุ่นที่เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อกลางแจ้งและบริเวณที่ต้องการคุณสมบัติความทนทานสูง พัฒนาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด อุปกรณ์ APs รุ่นนี้ของอรูบ้าสามารถทนต่อการสัมผัสกับอุณหภูมิสูงและต่ำสุดขั้ว ทนความเร็วลมสูงถึง 165 ไมล์ต่อชั่วโมง รวมถึงพื้นที่ที่มีความชื้น โดนน้ำฝน ละอองฝุ่นและเกลืออย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลายาวนาน นอกจากนี้ Aruba CX4100i Switch Series ที่มีความทนทานสูงยังช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบไอที ระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) และอุปกรณ์ IoT ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงแม้อยู่ในบริเวณที่มีอุณหภูมิผันผวนรุนแรง

3. ตรวจสอบและควบคุมได้อยู่เสมอจากระยะไกล
สภาพแวดล้อมที่รุนแรงก่อให้เกิดความเสี่ยงไม่เพียงต่ออุปกรณ์และระบบโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพนักงานผู้ดำเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำด้วย รายงานล่าสุดโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศพบว่าการสัมผัสฝุ่นละออง ก๊าซ และควันจากการทำงานเป็นสาเหตุอันดับสองของการเสียชีวิตจากการทำงานทั่วโลก เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรม การผลิตและการแปรรูปวัสดุอาจจะส่งผลให้พนักงานเสี่ยงต่อการระเบิด สนามแม่เหล็กแรงสูง และระดับเสียงที่อาจจะทำให้พนักงานผู้ปฏิบัติงานหูหนวกได้
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีพนักงานอยู่ในพื้นที่อันตรายโดยตรง แต่ยังสามารถปฏิบัติงานได้เช่นเดิม บริษัทต่าง ๆ สามารถใช้การตรวจสอบและบำรุงรักษาจากระยะไกลผ่านเครื่องมือจำลองเสมือนจริง (AR/VR) ซึ่งแม้ว่าโซลูชันเหล่านี้จะทำให้เครือข่ายทำงานหนักขึ้น แต่เทคโนโลยี AppRF ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของอรูบ้าสามารถจัดลำดับความสำคัญของการรับส่งข้อมูลบนแอปพลิเคชัน AR/VR เหล่านี้ได้อย่างอัตโนมัติด้วยกระบวนการจัดสรรทรัพยากรแบนด์วิดธ์ของปัญญาประดิษฐ์อันชาญฉลาด

4. ความมั่นคงปลอดภัยของระบบ (Security) ยังคงมีความสำคัญสูงสุด
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีการนำอุปกรณ์ IoT มาใช้อย่างแพร่หลายในทุกอุตสาหกรรม โดยภายในพื้นที่การผลิต 91% ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของจำนวนอุปกรณ์ IoT อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่นิยมใช้ IoT มาปรับปรุงเครื่องจักรให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของระบบซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ โดย 27 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทเหล่านี้ต่างกังวลถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการนำอุปกรณ์ IoT มาใช้ และเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้บางโรงงานไม่กล้าเสี่ยง
ในขณะที่ IoT ยังคงหยั่งรากลึกลงเรื่อย ๆ การมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเชิงคาดการณ์ (Predictive Security Posture) จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งทีมไอทีจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องมือเพื่อสามารถรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์และคาดการณ์เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ไม่ให้เกิดขึ้น นี่คือเหตุผลที่โซลูชัน อย่างเช่น Aruba Central และ Aruba ClearPass Device Insight ล้วนมี AIops ที่มีคุณสมบัติเชิงปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เนื่องจากโซลูชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ต้องสามารถคาดการณ์ได้ทั้งในระบบควบคุมแบบปิด (Closed Loop) และระบบ End-to-End เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยทำให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยของอุปกรณ์ IoT ทั้งหลายในเชิงรุกได้อีกด้วย

ระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT) ไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไป
ระบบเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (Operational Technology : OT) เป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม ซึ่งนับเป็นระบบหลักที่ทำงานอยู่เบื้องหลังกระบวนการทางอุตสาหกรรม แต่เดิมจะแยกจากเครือข่ายไอที (IT) เพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอก และจะต้องทำงานได้ตลอดเวลา มีความยืดหยุ่น ทนทานสูง และความน่าเชื่อถือเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตามจุดบกพร่องจากความผิดพลาดของอุปกรณ์และการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมทั้งการบำรุงรักษาและการหยุดชะงักการทำงานนอกแผนล้วนแต่ขัดขวางประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ความจริงก็คือหากสามารถดำเนินการบำรุงรักษาในเชิงรุกค่าใช้จ่ายอาจลดลงได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานของ OT ยังคงเชื่อถือได้ อรูบ้าและ ABB ได้ช่วยบริษัทต่าง ๆ ในการโยกย้ายระบบเก่าที่มักจะต้องหยุดชะงักนอกแผนเพื่อซ่อมบ่อย ๆ มายังระบบที่มีเครื่องมือบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance Tools) ซึ่งจะช่วยให้มีความสามารถมองทะลุครอบคลุมในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของทุกอุปกรณ์และเครื่องจักร รองรับความพร้อมในการใช้งานสูง และให้ผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุน ตัวอย่างเช่น Smart Sensor ของ ABB ใช้อัลกอริธึมขั้นสูงเพื่อแจ้งให้วิศวกรทราบถึงสภาวะที่ผิดปกติก่อนอุปกรณ์จะขัดข้อง นอกจากนี้ด้วยการบูรณาการระหว่าง Aruba UXI (User Experience Insight) และระบบ Mobile Computer ของ Zebra (เช่น TC5x/TC7x) ยังสามารถนำข้อมูลด้านประสิทธิภาพการทำงานในระดับแอปพลิเคชันครอบคลุมไปจนถึงระดับอุปกรณ์ที่ปลายทาง (Edge) เพื่อให้ทีมไอทีได้นำไปวิเคราะห์และดำเนินการป้องกันได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น
โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถดำเนินการซ่อมแซมเครื่องจักรได้ก่อนที่กระบวนการทำงานจะหยุดชะงักและได้รับผลกระทบ ช่วยลดการหยุดการทำงานนอกแผน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้อุปกรณ์และเครื่องจักร ช่วยปรับกำหนดการทำงานของวิศวกรภาคสนามให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มผลกำไรในที่สุด

ผนวก IT และ OT ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วย AIops เป็นสิ่งที่จำเป็น
ธุรกิจและบริษัทผู้ผลิตกำลังเผชิญกับความท้าทายตลอดช่วง 24 เดือนที่ผ่านมา และเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเทคโนโลยีที่พวกเขานำมาใช้ จากการสำรวจบริษัทผู้ผลิตทั่วโลกกว่า 400 แห่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมดระบุว่า Industry 4.0 ได้ช่วยให้การดำเนินงานของพวกเขาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤต และมากกว่าครึ่งกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่พวกเขาดำเนินการนั้นมีความสำคัญต่อการรับมือการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาอย่างประสบความสำเร็จ
ในยุคใหม่ของการทำงานและธุรกิจนี้มีความจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในการปรับโครงสร้างใหม่ คิดใหม่ และกำหนดแนวทางสำหรับเทคโนโลยีใหม่เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย ขับเคลื่อนประสิทธิภาพและผลลัพธ์ทางธุรกิจ การนำโซลูชันของอรูบ้าที่มี AIOps เป็นหัวใจสำคัญมาใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมและมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดมากในการช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถผนึกระบบเครือข่าย IT และ OT ของตนเป็นหนึ่งเดียว ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างปลอดภัย ระบบการทำงานยังคงต่อเนื่องแม้จะเผชิญสภาพแวดล้อมที่รุนแรง สามารถดูแลอุปกรณ์ได้จากระยะไกล และมีระบบที่มั่นคงปลอดภัย โดยมีประสิทธิภาพในการผลิตกลับไปเหมือนเดิมหรือสูงขึ้นอีกครั้ง

สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเครือข่ายและการพัฒนาโซลูชันของอรูบ้าสามารถติดตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญใน Aruba Blog ได้ที่ https://blogs.arubanetworks.com/

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด