เนื้อหาวันที่ : 2018-02-14 10:19:13 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 4602 views

ซีเอ เทคโนโลยี คาดการณ์เทคโนโลยีปี 2018 และอนาคตที่ท้าทาย

โดย : สตีเฟ่น ไมล์
        ประธานเจ้าหน้าฝ่ายเทคโนโลยีภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น
        บริษัท ซีเอ เทคโนโลยี

เชื่อหรือไม่ว่าภายในปี 2030 โลกไอทีที่เรารู้จักทุกวันนี้จะไม่พบเห็นกันอีกต่อไป
ทุก ๆ ปีในเวลาเดียวกันนี้เราจะทบทวนและมองพยากรณ์อนาคตว่าโลกไอทีและอุตสาหกรรมไอทีจะเป็นอย่างไร หรืออย่างน้อยน่าจะไปในทิศทางไหนในอีก 365 วันข้างหน้า ผลที่ได้รับจากการคาดการณ์มักจะมองแค่ว่าเป็นลำดับต่อไปจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการวิจารณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงลำดับถัดไปอย่างเดียวจะไม่ทำให้เราสามารถเข้าใจอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ และเทคโนโลยีก็ไม่ได้ปฏิวัติทุกสิ่งอย่างเสมอไปเช่นกัน
ในปีนี้นอกจากจะคาดการณ์ในเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ผมก็ยังได้เสริมการคาดการณ์อื่นที่ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีล้วน ๆ อย่างเดียว แต่สัมพันธ์ถึงการเปลี่ยนแปลงในบริษัทและองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งกระบวนการทำงานและวัฒนธรรมการทำงานที่มี ต่อไปนี้คือการคาดการณ์ของผมว่าภายในปี 2030 สิ่งที่เรารู้จักว่าเป็นโลกไอทีในทุกวันนี้จะเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือโฉมหน้าเดิมอีกต่อไป

ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้ใช้โค้ดจะเป็นตัวผลักดันเทคโนโลยีแบบกระจายตัว
ภายในปี 2030 การทำงานโค้ดดิ้งซอฟต์แวร์หมดไป หมายถึงการใช้ระบบแพลตฟอร์มที่ไม่ได้ใช้โค้ดหรือใช้โค้ดซอฟต์แวร์ในระดับต่ำจะกลายเป็นเรื่องที่เป็นจริงขึ้นมา โดยการประกอบบล็อกของโค้ดเข้าด้วยกันเพื่อเป็นแอปพลิเคชันใหม่จะสามารถทำได้โดยไม่ต้องมานั่งแก้ไขตัวโค้ดที่อยู่ด้านหลังการทำงานโดยตรง และซอฟต์แวร์ที่เรียนรู้อัตโนมัติจะนำเสนออนาคตความฝันของซอฟต์แวร์ที่สามารถเขียนได้ด้วยตัวเอง วิวัฒนาการตัวเองผ่านการเรียนรู้กลายเป็นความจริงขึ้นมา

เทคโนโลยีแบบกระจายตัวจะช่วยเร่งการเกิดนวัตกรรมใหม่อย่างเท่าเทียมกัน
ศูนย์กลางและความสำคัญของการตัดสินใจในองค์กรจะย้ายเปลี่ยนผ่านจากการสั่งการจากเบื้องบนของโครงสร้างบริหารระบบไอทีแบบเดิมไปเป็นการใช้แบบรับฟังความเห็นจากเบื้องล่าง แอปพลิเคชันแบบเดิมที่รวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียวจะเปิดทางให้มีการพัฒนาโซลูชันใหม่ที่เน้นการกระจายตัวและยืดหยุ่นต่อการปรับเปลี่ยนแปลง นวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีผลักดันจะเกิดได้จากทุกแห่งทุกหน่วยงาน ไม่จำเป็นต้องมาจากหน่วยงานไอทีไอทีเสมอไป

ระบบไอทีในวันหน้าจะเป็นลูกผสมระหว่างทั้งคนและจักรกล
เทคโนโลยีของวันหน้าจะเป็นระบบผสมระหว่างคนและจักรกลโดย รูปแบบของสิ่งแวดล้อมการทำงานระหว่างคนกับเทคโนโลยีจะมีปรากฏทั้งในธุรกิจปัจจุบันและธุรกิจที่เกิดใหม่ในอนาคต พลิกผันได้ในแบบเรียลไทม์เพื่อมุ่งสู่ความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ตัวแปรเหล่านี้จะมีบทบาทในอนาคต เป็นจุดเริ่มของแต่ละบุคคลที่จะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ จะกดดันให้โครงสร้างบริษัทเอ็นเตอร์ไพรส์ขนาดใหญ่แบบเก่าได้รับผลกระทบ โดยเศรษฐกิจแบบรายเล็กย่อยอิสระจะเริ่มกรุยทางให้กับรูปแบบของอนาคตเศรษฐกิจใหม่ที่อาจจะก่อตัวเป็นระบบเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ในระดับชาติก็ได้

ทั้งหมดที่เล่ามาเป็นเรื่องของอนาคตในระยะไกล คราวนี้มาดูระยะใกล้กันบ้าง เป็นทิศทางที่เราจะเห็นได้ในปีหน้าว่าเป็นอย่างไร ผมได้ชี้เอาไว้ในหลายประเด็นโดยสรุปสั้น ๆ ดังนี้

1. ยืดหยุ่นเสมอ
ระบบข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลจะเดินหน้าปฏิวัติการบริหารจัดการแบบยืดหยุ่น ในปัจจุบันโดยการนำเสนอโมเดลวิเคราะห์ใหม่ ๆ จะขยายตัวและเร่งการทำงานมากยิ่งขึ้น ระบบการทำงานอย่างยืดหยุ่นจะต้องการข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้นด้วยเช่นกัน ข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกจะกลายมาเป็นส่วนสำคัญของการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ทางธุรกิจให้บรรลุผลอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะผลักดันโดยการใช้งานระบบเอ็นจิ้นที่สร้างข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกที่ละเอียดซับซ้อน นำเสนอได้ในแบบเรียลไทม์ทั้งมาตรวัดทางการเงินและธุรกิจที่ต้องการ
สรุป : จะสามารถคาดการณ์ ตรวจวัดผลของการลงทุน การใช้งานซอฟต์แวร์ว่าดีและจำเป็นแค่ไหนเพียงไร รวมทั้งคาดการณ์ได้ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

2. ระบบอัตโนมัติ
ระบบอัตโนมัติที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้จะผ่านการใช้งาน เช่น การทดสอบอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้และกระบวนการทางธุรกิจที่เป็นระบบอัตโนมัติ แต่ในการที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบอัตโนมัติอย่างแท้จริงจำเป็นที่จะต้องวางมาตรฐานและเชื่อมต่อระบบเวิร์กโฟลว์อย่างราบรื่น ผ่านทั้งกระบวนการการพัฒนา DevOps และการพัฒนาทูลที่ใช้งาน ระบบวิเคราะห์จะช่วยให้ค้นพบปัญหาคอขวดหรือจุดอ่อนที่มีในระบบการทำงานของซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ
สรุป : อนาคตของระบบอัตโนมัติคือปัญญาอัจฉริยะซึ่งจะเรียนรู้ปรับตัวและใช้งานสูงสุดจากระบบที่มีทั้งหมด โดยที่จะเริ่มเห็นซอฟต์แวร์ที่จะพัฒนาตัวเองได้ในบางส่วนของการใช้งานแทนที่จะพัฒนาขึ้นจากมนุษย์แต่อย่างเดียว

3. ข้อมูลเชิงลึก
ในปีนี้เราจะเห็นระบบ AI ที่มีการพัฒนาดีขึ้น ไม่ใช่หมายถึงแค่หุ่นยนต์ที่พูดได้อีกต่อไป แต่จะเป็นชุดของอัลกอริทึมที่แสดงออกผ่านโค้ดที่ใช้งานกับระบบข้อมูลต่าง ๆ ที่มีโดยระบบเอ็นจิ้นเชิงวิเคราะห์ระดับสูง คือจุดสำคัญของระบบ AI ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในตลอดช่วงชีวิตการใช้งาน ระบบ AI และการเรียนรู้โดยจักรกลจะผลักดันแนวทางที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ระบบจักรกลอัจฉริยะจะนำเสนอความฝันที่ตั้งใจไว้ของการใช้งานบิ๊กดาต้า ระบบที่สามารถเรียนรู้ได้ตัวเองจะพัฒนาและนำเสนอซอฟต์แวร์ออกมาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
สรุป : หัวใจสำคัญของการบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีของคุณจะไม่หายไปไหน แต่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการใช้งานผ่านระบบอัตโนมัติ ดำเนินการในแบบอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณสามารถเน้นหนักไปที่เรื่องอื่นที่มีความสำคัญ สร้างคุณค่าใหม่ ๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ก้าวต่อไป

4. การรักษาความปลอดภัย
ในยุคสมัยที่ซอฟต์แวร์ได้กลายมาเป็นเครื่องมือในการติดต่อสัมพันธ์หลักกับลูกค้าของแบรนด์และบริษัทต่าง ๆ การรักษาความปลอดภัยคือเรื่องเดียวกับคำว่าไว้วางใจ นั่นคือ จะต้องรักษาความปลอดภัยให้กับทั้งระบบเชื่อมโยงทั้งบริษัทและแบรนด์ มิใช่แค่รักษาความปลอดภัยของตัวข้อมูลแต่เพียงอย่างเดียว การลดความเสี่ยงทำได้โดยการนำระบบอัจฉริยะมาจัดการระบบไอดี เดินหน้าระบบการวิเคราะห์ซับซ้อนที่จะช่วยพัฒนาการรักษาความปลอดภัยในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามพวกแฮกเกอร์เจาะระบบก็มีขีดความสามารถด้านนี้เพิ่มด้วยเช่นกัน การเรียนรู้ด้วยจักรกลและ AI จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความปลอดภัยระบบ
สรุป : ปัญหาความเสี่ยงที่บริษัทระดับเอ็นเตอร์ไพรส์กำลังเผชิญหน้าในปัจจุบันก็จะยังเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นั่นคือ ความเสี่ยงต่อข้อมูลและความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยระบบ AI จะเป็นภัยคุกคามใหม่ที่บริษัทระดับเอ็นเตอร์ไพรส์จะต้องรับมือการต่อสู้ AI ด้วย AI จะกลายเป็นเรื่องที่จำเป็น

ถึงแม้การทำนายคาดการณ์อนาคตทางเทคโนโลยีในระยะสั้นจะช่วยในการวางแผนการใช้งานทรัพยากรของบริษัท แต่การมองไปให้ถึงอนาคตจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของคุณในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นเครื่องมือที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ หากไม่มีคนทำงานที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านระบบที่ยืดหยุ่นหรือมีความรู้ความสามารถทางด้านระบบอัตโนมัติ ก็เป็นเรื่องที่ควรจะลงทุนในด้านทรัพยากรเหล่านี้ ถ้าคุณไม่ได้ลองค้นหาวิธีในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการเรียนรู้ด้วยจักรกลก็เป็นเวลาที่จะต้องเริ่มเรียนรู้กัน ซึ่งจะยังไม่สายเกินไปที่จะมองย้อนกลับไปให้ดีว่าองค์กรไอทีของคุณจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงการทำงานอะไรบ้าง รวมทั้งเทคโนโลยีที่เน้นกระจายตัวและไม่รวมศูนย์อีกต่อไป

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด