เนื้อหาวันที่ : 2015-04-17 14:32:19 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2915 views

การทดสอบระบบด้วยวิธีแบบไฮบริด: ระบบทดสอบที่พร้อมใช้งานกำลังจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของวงการอุตสาหกรรม

แผนกทดสอบระบบทั่วๆไปพยายามที่จะหาวิธีลดต้นทุนโดยการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบทดสอบ หนึ่งในวิธีดังกล่าวคือการพัฒนารูปแบบการดำเนินการให้เป็นไปตามสากลที่สุด แต่โดยทั่วไปแล้ว การพิจารณาที่ไม่ถี่ถ้วนของการตลาด, ความซับซ้อนของอุปกรณ์ และ ความพยายามในการลดต้นทุนส่งผลให้การทดสอบสินค้านั้นมีความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น

ต้องขอบคุณที่ไม่นานมานี้นี้มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการทดสอบแบบอัติโนมัติ (ATE) ทำให้ผู้ทดสอบสินค้าสามารถมองข้ามข้อจำกัดของรูปแบบการจัดสร้างต่อการจัดซื้อ และหันไปทุ่มเทกับองค์ประกอบโดยรวมและวิธีการแบบผสมผสาน ซึ่งวิธีการดังกล่าวผู้วางแผนงานด้านการทดสอบนั้นสามารถประเมิณ ข้อดี ข้อเสีย, เปรียบเทียบความต้องการกับความซับซ้อนของอุปกรณ์ รวมไปถึงรูปแบบการตลาดที่ส่งผลต่ออายุงานของอุปกรณ์ โดยที่ปัจจุบันอุตสาหกรรมด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมรถยนต์, หน่วยงานความมั่นคง, หรือ อุตสาหกรรมที่ใช้งานเซมิคอนดักเตอร์ต่างให้ความสนใจเสาะหาผลลัพท์ทางการทดสออบนี้ จะเห็นได้ว่าแนวโน้มดังกล่าวได้เพิ่มโอกาสทางการค้าที่น่าสนใจ


โดยจะเห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งให้ความสนใจสื่อทางการตลาดรูปแบบใหม่เช่น อุปกรณ์ที่มีการใช้งานอินเตอร์เนต, แท๊ปเล็ต, มือถือ, ดิจิตอลทีวี และ โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวนั้นมีการใช้งานอุปกรณ์จำพวก วงจรรวมที่ใช้สัญญานวิทยุ (RFIC) และ ระบบไฟฟ้าเครื่องกลจุลภาค (MEMS) ที่มีความซับซ้อน และมีอายุการใช้งานที่สั้นซึ่งส่งผลให้การทดสอบอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นไปได้อย่างลำบาก จากที่กล่าวมา การทดสอบแบบ ATE ซึ่งมีราคาที่สูง ไม่ยืดหยุ่น และ ยากสำหรับการแก้ปัญหา เสี่ยงต่อการหาต้นทุนหากจะต้องมีการเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถมองข้ามประโยชน์ในเรื่องของการเพิ่มอัตราและปริมาณการผลิตซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทดสอบอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมประเภทนี้

 


ข้อดีและข้อเสียของการซื้อและการสร้าง


ปัจจุบันผู้จัดการด้านการทดสอบต่างรับรู้ว่าพวกเขาสามารถทำให้ระบบทดสอบของพวกเขาเป็นแบบอเนกประสงค์ได้โดยที่ไม่ต้องสร้างระบบดังกล่าวด้วยตัวเอง แต่บริษัทขนาดใหญ่ที่มีประสบการณ์ และเวลาเช่น intel และ Altera จะสร้างระบบทดสอบด้วยตัวพวกเขาเองเพราะว่าตลาดผู้ผลิตระบบทดสอบส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ


ไม่นานมานี้มีข่าวประกาศแพลตฟอร์มการทดสอบที่เรียกว่า High Density Modular Test (HDMT), Babak Sabi รองประธานบริษัท intel และกรรมการผู้จัดการของ assembly and test technology กล่าวไว้ว่า “พวกเราพัฒนาแพลตฟอร์ม HDMT เพื่อที่จะเพิ่มความถี่ในการพัฒนาและควบคุมระบบทดสอบ โดยที่แพลตฟอร์มดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนนั้นลดลงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มแบบเก่า นอกจากนี้ HDMT ยังลดเวลาสำหรับการทดสอบสู่การตลาดและยังช่วยเพิ่มอัตราการผลิตเนื่องจากใช้แพลตฟอร์มที่มีลักษณะใกล้เคียงกันไม่ว่าจะเป็นการทดสอบสินค้าที่มีอัตราการผลิตต่ำหรืออัตราการผลิตสูง” จากตรงนี้แสดงให้เห็นว่า Intel เลือกที่จะใช้เวลาและความพยายามในการพัฒนาระบบเพื่อที่จะได้มีการใช้ต้นทุนที่น้อยลงแทนที่จะเสียต้นทุนมากๆ จากการซื้อระบบทดสอบ อย่างไรก็ตามแผนกที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบระบบในบริษัทต่างๆ นั้นจะขาดบุคคลากรที่มีความสามารถในการพัฒนา รวมถึงเวลาที่ใช้สำหรับบำรุงรักษาอุปกรณ์ดังกล่าวทำให้ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกซื้อระบบทดสอบจากหนึ่งในบริษัทใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตระบบทดสอบดังกล่าว ส่วนหนึ่งนั้นมาจากความต้องการ การช่วยเหลือจากผู้พัฒนา แต่การซื้อระบบทดสอบจากผู้พัฒนานั้นมีต้นทุนที่สูงและส่วนใหญ่จะเกินความต้องการของสินค้า ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องค่าตัดจำหน่ายหรือต้นทุนสินค้า ซึ่งในบางครั้งอาจจะทำให้ต้นทุนดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสมกับสินค้าได้เนื่องจากสินค้ามีอายุการใช้งานหรืออายุการขายต่ำลง ทั้งนี้การซื้อระบบทดสอบนั้นจะเป็นประโยชน์มากในกรณีที่ช่วงเวลาการตัดจำหน่ายนั้นเหมาะสมกับช่วงเวลาในการขายของสินค้าและระบบที่ไม่ต้องการความยืดหยุ่นมากเนื่องจากไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับปรับแต่ง

 


แบบผสมผสาน


ในปี 2002 องค์กร Semiconductor Test Consortium (STC) ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อที่จะหาวิธีทดสอบสินค้าจำพวกเซมิคอนดัคเตอร์ด้วยราคาที่คุ้มค่า โดยการนำเสนอวิธีการแบบเปิดเพื่อให้อุปกรณ์และซอฟต์แวร์สามารถทำงานร่วมกันได้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร วันนี้รูปแบบดังกล่าวได้ถูกนำเสนอขึ้นมาอีกครั้งเนื่องจากอุตสาหกรรมต่างๆ นั้นต้องการสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่สามารถเอาชนะต้นทุนและแรงกดดันจากตลาดได้รวมถึงได้ผลลัพท์ที่ยืดหยุ่นต่อการเติบโตของเทคโนโลยี RFIC และ MEMs

 


NI, Marvin Test solutions และ ผู้จัดจำหน่ายอื่นๆ นำเสนออุปกรณ์สำหรับทดสอบแบบสำเร็จรูปที่สามารถปรับเปลี่ยนโมดูลได้ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของตลาดในปัจจุบัน แผนการตลาดที่จำหน่ายอุปกรณ์ทดสอบที่พร้อมใช้งานนั้นประสบความสำเร็จมาโดยตลอด แต่ถ้ามองในมุมของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดัคเตอร์ซึ่งมีอายุการขายต่ำและมีรูปแบบที่แตกต่างกันนั้น วิธีการนี้จะล้มเหลวเหมือนในปี 2002 หรือไม่

 


คำตอบที่ว่าอาจจะเห็นได้ชัดจากแนวโน้มที่มีการใช้งานระบบทดสอบแบบโมดูลที่มากขึ้นเช่นการใข้งาน PCI eXtensions for instrumentation (PXI) บริษัทที่ปรึกษา Frost&sullivan ได้กล่าวไว้ว่าภายในระยะ 6 ปีคนใช้งานระบบทดสอบแบบโมดูลนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 18.1% การเติบโตดังกล่าวจะเพียงพอต่อความต้องการซึ่งไม่เกิดขึ้นในปี 2002

 


ความสมดุล


ถึงแม้ว่าคนควบคุมระบบทดสอบจะมีวิธีที่เป็นมาตรฐานต่างๆ มากมาย แนวโน้มของตลาดได้นำเสนอรูปแบบไฮบริดหรือแบบผสมที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านราคาและความต้องการของระบบ โดยที่รูปแบบไฮบริดนี้ไม่เพียงให้ตัวเลือกในการแก้ปัญหาที่มากกว่ายังเป็น ตัวบ่งขี้ว่าตัวทดสอบแบบ COTS นั้นช่วยลดความยุ่งยากในแผนดำเนินงานรวมถึงปฐิรูปรูปแบบของตลาดที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบในระยะยาวอีกด้วย

 

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด