เนื้อหาวันที่ : 2011-07-05 18:22:00 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 4982 views

โลจิสติกส์กับพญามังกร...จีน

จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ โดยได้เปรียบดุลการค้ากับทุกประเทศในโลก ในปี พ.ศ. 2550 จีนมีอัตราการค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกาเติบโตเป็นเลข 2 หลักหรือคำนวณเป็นมูลค่าได้ถึง 300 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

วชิรศักดิ์ เล้าประเสริฐ
นายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย
น.ศ.หลักสูตร MS. in Logistics and Supply Chain Management ม.ศรีปทุม

การค้าและการลงทุน
          จีนนั้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ โดยได้เปรียบดุลการค้ากับทุกประเทศในโลก ในปี พ.ศ. 2550 จีนมีอัตราการค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกาเติบโตเป็นเลข 2 หลักหรือคำนวณเป็นมูลค่าได้ถึง 300 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ และหากประมาณการถึงตัวเลขการนำเข้าสินค้าจากจีนกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันอย่าง ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ด้วยแล้ว นับว่ามีมูลค่าถึง 10 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ และประเทศไทยเสียเปรียบดุลการค้ากับจีนประมาณ 12,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เฉพาะการค้าชายแดนผ่านจังหวัดเชียงรายในปี พ.ศ. 2548 เป็นมูลค่า 5,208 ล้านบาท โดยไทยเกินดุลการค้า 3,153 ล้านบาท ขยายตัวกว่าร้อยละ 57.15 ส่วนใหญ่เป็นลำไยอบแห้ง ยางพารา และน้ำมันเชื้อเพลิง

อย่างไรก็ดี ไทยต้องเข้าใจนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ Great Western Development Strategy เป็นนโยบายการพัฒนาภาคตะวันตก ซึ่งมณฑลยูนานและกวางสี (ซึ่งไทยคิดว่าอยู่ในจีนตอนใต้ แต่ทางจีนถือว่าอยู่ในภาคตะวันตก) จีนได้ให้ความสำคัญในการใช้เป็นฐานรุกเข้ามาในตลาดไทยและอาเซียน จีนนั้นมีนโยบายขนาดตั้งเป้าหมายว่าภายใน พ.ศ. 2563 จะทำให้อาเซียนเป็นตลาดเดียวกับจีน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจูหลงจี ได้วางวิสัยทัศน์รองรับแผน ASIAN Economic Community โดยใช้ FTA–จีน อาเซียน ซึ่งภาษีจะเป็นอัตราศูนย์ โดยจะส่งผลให้อาเซียนกลายเป็น Domestic Market หรือเป็นตลาดภายในของจีน ดังนั้น ประเทศไทยต้องเข้าใจแนวคิดนี้ของจีน โดยยุทธศาสตร์สำคัญของจีนก็จะใช้เส้นทางโลจิสติกส์ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแม่น้ำโขงหรือเส้นทางถนนทั้งผ่านลาว พม่า เวียดนาม เข้าสู่ตลาดภายในของไทย

          ปัจจุบันจีนได้มีการตื่นตัวและได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โดยภาครัฐได้มีบทบาทในการวางนโยบายด้านโลจิสติกส์ของประเทศ โดยมีหน่วยงานในการวางยุทธศาสตร์และดูแลการพัฒนาทั้งระบบ เช่น โครงการ Look South โครงการ Lanchang Economic Belt โครงการ China E-Port Data Center หรือ โครงการ Digital Trade & Transport Network ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านหยวน โดยจะมีการส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของจีน ในเรื่องของการสร้างความพร้อมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ

โดยระบบโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ของจีนนั้นประกอบด้วย ทางรถไฟ ยาวถึง 70,058 กิโลเมตรและมีโครงการที่จะเชื่อมต่อกับทรานส์ไซบีเรียไปจนถึงกรุงมอสโค โดยมีระบบรางถึง 3 แบบ คือ 1.435 เมตร 1 เมตร และ 0.75 เมตร สำหรับเส้นทางถนนทั่วประเทศ ยาวถึง 1,402,698 กิโลเมตร และมีเส้นทางสัญจรทางน้ำ ยาวถึง 121,557 กิโลเมตร รวมถึงท่อส่งแก๊สเป็นระยะทางยาว 15,890 กิโลเมตร และท่อส่งน้ำมันยาว 14,478 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่รวมโครงการก่อสร้างท่อน้ำมันจากมาเลเซียผ่านภูเก็ต-พม่า จนถึงเมืองเชียงรุ้ง ทั้งนี้จีนมีท่าเรือแนวฝั่งทะเลตะวันออกถึง 20 แห่ง มีกองเรือเดินทะเลประมาณ 1,850 ลำ และสนามบินอีก 507 แห่งทั่วประเทศ

          แม้ว่าปัจจุบันจีนจะตื่นตัวนำระบบโลจิสติกส์มาใช้อย่างแพร่หลาย แต่การใช้งานจริงกลับอยู่ในขอบเขตจำกัด เนื่องด้วยลักษณะอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศจีนยังมีลักษณะแยกส่วนกันอยู่ แต่ละรายก็จะมีมาตรฐานการทำงานของตนเอง และระบบการกระจายสินค้าที่ยังไม่สมบูรณ์ มีข้อจำกัดในการใช้เทคโนโลยีในการกระจายสินค้า รวมทั้งการขาดแคลนบุคลากรทางด้านโลจิสติกส์ ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ในประเทศจีนสูงกว่าประเทศในตะวันตกและสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก ซึ่งในแต่ละอุตสาหกรรมก็มีต้นทุนที่ไม่เท่ากัน

ต้นทุนโลจิสติกส์ของจีนไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 20-30 ต่อ GDP ซึ่งยังสูงกว่าประเทศไทย ขณะที่ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศที่พัฒนาแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 7-10 ของ GDP แต่การที่สินค้าของจีนยังครองตลาดได้ดีอยู่ก็เพราะปัจจัยค่าแรงของจีนยังมีต้นทุนที่ต่ำมาก จึงสามารถชดเชยกับการที่มีต้นทุนที่สูงของโลจิสติกส์ นอกจากนี้การพัฒนาของจีน ทำให้เศรษฐกิจของจีนมีการเติบโตสูงติดต่อกันเป็นเวลากว่าสิบปี โดยสาเหตุของการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นผลมาจากตลาดรวมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ความต้องการของตลาดภายในที่มีจำนวนถึง 1,600 ล้านคน

ความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์ของจีน
          1. ความล่าช้าในการปฏิบัติตามเงื่อนไขขององค์การการค้าโลก (WTO) ประเทศจีนจำเป็นต้องหาหนทางที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก ในขณะเดียวกันก็สร้างมาตรการ Non Tariff Barrier (NTB) ซึ่งกีดกันการนำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่ขัดกฎขององค์การการค้าโลก โดยการสร้างอุปสรรคที่เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ภาษี ได้แก่ ใบอนุญาต สุขอนามัย และมาตรฐานการบรรจุภัณฑ์ โดยมีระเบียบที่มีชื่อว่า “หนึ่งใบอนุญาต หนึ่งสินค้า” เป็นการกีดกันการนำเข้าซึ่งต้องใช้เวลาในการเตรียมการด้านเอกสาร และเพิ่มต้นทุนในการนำเข้า

          2. ระเบียบกฎเกณฑ์ที่หลากหลาย การกระจายสินค้าและโลจิสติกส์มีกฎระเบียบย่อยจำนวนมาก ซึ่งแต่ละมณฑลก็จะมีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติหากต้องการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนและมีการขายสินค้าหรือสาขา ให้ครอบคลุมหลายมณฑล จะต้องขอใบอนุญาตแต่ละมณฑลเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้

          3. อุปสงค์และอุปทาน เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ตลาดมีพลังขับเคลื่อนเป็นแบบทวิลักษณ์ (Dual Policy) มีการเพิ่มอุปสงค์ส่วนเกินในตลาดอย่างรวดเร็ว ขณะที่บางพื้นที่ก็จะมีอุปสงค์ที่ไม่พอเพียง คือความต้องการในตลาดมีทั้งส่วนเกินและส่วนขาด มีการเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์และอุปทานอย่างไม่เป็นระบบ เพราะประชาชนมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะยากจน คนจะมีการเคลื่อนย้ายไปมา ตามแหล่งงาน พบว่าศูนย์กระจายสินค้าและโลจิสติกส์ ยังมีพื้นที่ว่างเหลือกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นการแข่งขันในจีนจึงสูงมาก

          4. ความเสี่ยงทางสังคมและการเมือง บริษัทต่างประเทศที่ไปลงทุนในจีน หรือไปร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทท้องถิ่น จะต้องมีความระมัดระวังเกี่ยวกับความโปร่งใส โดยปัญหาแรงงานจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งต้องมีวิธีการจัดการปัญหาด้านแรงงานเป็นอย่างดี คือ ถ้าฝ่ายจัดการไม่ได้เป็นคนพื้นเมืองจะควบคุมคนงานยาก ทั้งนี้ปัญหาเรื่องของทุจริตคอรัปชั่นยังคงมี โดยเฉพาะในเมืองเล็ก ๆ ซึ่งต้องมีความเข้าใจกับปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและความสามารถในการจัดการจะเป็นหนทางของความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน
    
การลงทุนในจีน
          อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ธุรกิจในประเทศจีนมีการแข่งขันด้านต้นทุนมากที่สุด ดังนั้น นักธุรกิจไทยที่จะไปดำเนินธุรกิจในประเทศจีนให้เกิดความยั่งยืน จะต้องเป็นธุรกิจหลักที่ตนเอง มีความแข็งแกร่ง จะต้องสามารถคำนวณความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องสามารถมองเห็นความล้มเหลวที่เลวร้ายที่สุดไว้ล่วงหน้า เพราะโอกาสที่จะประสบความล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจในจีนจะมีมาก ระบบทุนนิยมของประเทศจีนไม่ได้อาศัยกลไกการตลาดมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว โดยรัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงระบบการผลิต สินค้าที่จำเป็นพื้นฐานจะถูกควบคุมราคาโดยรัฐบาลจีน 

          การผลิตยังคงเน้นด้านปริมาณการผลิตจำนวนมาก เพื่อให้ราคาต่อหน่วยต่ำ สินค้าจากจีนจึงมีราคาถูกในด้านคุณภาพ จีนมีการผลิตสินค้าคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งผลิตให้สำหรับคนในประเทศ ที่เหลือจึงส่งออกนำรายได้เข้าประเทศ

          นอกจากนี้ด้วยกฎเกณฑ์และนโยบายของรัฐบาลที่มีการปรับเปลี่ยน การเข้าเป็นเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก และลักษณะของผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศจีนมีลักษณะการกระจัดกระจาย ดังนั้นระบบโลจิสติกส์ในประเทศจีน จึงควรมีลักษณะเป็นเครือข่ายและต้องรวมตัวกันเพื่อให้สามารถครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ ที่สำคัญความต้องการการใช้บริการผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics Service Provider) มีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทข้ามชาติจะต้องใช้บริการจากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ท้องถิ่นเป็นเครือข่าย ดังนั้นการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น จึงควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ใช้ความแข็งแกร่งของนักลงทุนต่างชาติในการให้บริการที่แตกต่างจากผู้ประกอบการท้องถิ่นทำอยู่ และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ การจะประสบความสำเร็จในประเทศจีน ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับคนในท้องถิ่น หากผู้ประกอบการไม่มีความสัมพันธ์กับคนท้องถิ่น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก

          จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ขณะนี้เศรษฐกิจไทยยืนอยู่บนทางสองแพร่ง ในการที่จะได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับจีน ซึ่งไม่ควรเปรียบเทียบเป็นเชิงตัวเลขการนำเข้า-ส่งออก เพราะธุรกิจไทยที่ได้ประโยชน์ทางการค้ากับจีนมีไม่มาก แต่คิดเป็นมูลค่าสูง เพราะจะส่งผลกระทบถึงธุรกิจย่อยและเกษตรกร รวมถึงแรงงานที่จะตกงานมีจำนวนมาก ทั้งนี้เศรษฐกิจที่ตกอยู่ในกับดักในการแข่งขันกับประเทศที่มีค่าแรงงานต่ำ และมีปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจสูงกว่าไทย ทั้งอำนาจการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจและการทหาร การกำหนดทิศทางเดินของไทย ที่จะให้พ้นจากกับดักนี้ ก็จะต้องศึกษาจากนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นประเทศแบบทวิลักษณ์ คือ การเมืองปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่ภาคเศรษฐกิจเป็นระบบตลาด ดังนั้นต้องเข้าใจว่าระบบตลาดของจีน ไม่เหมือนกับประเทศอื่น เพราะเป็นตลาดภายใต้การบงการและครอบงำโดยรัฐ ดังนั้น การศึกษาและประเมินนโยบายทางการเมือง และเศรษฐกิจของจีนจากสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการและวางแผนให้สอดคล้องกันจะเป็นสิ่งที่จำเป็น

เตรียมตัวก่อนเข้าไปประกอบธุรกิจในประเทศจีน
          ประเทศจีนเป็นแหล่งลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงทำให้หลายต่อหลายคนขนานนามว่าเป็น “Factory of the world” จึงไม่น่าแปลกที่ประเทศจีนจะมีเงินตราต่างประเทศที่ได้จากการลงทุนในประเทศมากกว่าที่ได้จากการส่งออก ประกอบกับประเทศจีนยังมีประชากรที่มากที่สุดในโลกทำให้ประเทศจีนมีแรงงานจำนวนมากและอัตราค่าแรงงานที่ต่ำ โดยเฉพาะในภาคกลางและตะวันตกจะมีอัตราค่าแรงที่ต่ำมาก

          นอกจากนี้ประเทศจีนให้ความสำคัญต่อระบบโครงสร้างคมนาคมขนส่งเป็นอันดับแรกของการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งมีการส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันตก โดยสร้างเส้นทางทั้งทางรถไฟและทางถนนและใช้แนวทางให้แต่ละมณฑลมีอิสระในการส่งเสริมการลงทุน โดยประเทศจีนนั้นแบ่งการปกครองเป็นมณฑล ซึ่งแต่ละมณฑลจะมีรัฐบาลและกฎหมายท้องถิ่น อีกทั้งแต่ละมณฑลจะมีการแข่งขันกัน ดังนั้นการลงทุนในประเทศจีนให้ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะลักษณะระเบียบ วิธี วัฒนธรรม และนิสัยของคนจีนแต่ละมณฑลจะต่างกัน การลงทุนในจีนจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

          ธุรกิจในประเทศจีนจะมีการแข่งขันด้านต้นทุนมากที่สุด ดังนั้นการดำเนินธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนนั้น นอกจากจะต้องเป็นธุรกิจหลักที่ตนเองมีความแข็งแกร่งแล้ว จะต้องดำเนินธุรกิจด้วยปรัชญา “เล็กแต่สมบูรณ์แบบ” และการทำธุรกิจ Logistics Service Provider จะเป็นแนวคิดใหม่ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจ การลงทุนในจีนไม่จำเป็นต้องลงทุนสินทรัพย์เป็นจำนวนมาก แต่ต้องเน้นในการให้ความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับประเทศจึงจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการกระจายสินค้าในประเทศจีน จำเป็นต้องใช้เวลาในการศึกษาตลาด และกฎระเบียบต่าง ๆ

นอกจากนี้แต่ละเมือง แต่ละมณฑลของประเทศจีนมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก นักลงทุนต่างชาติที่คิดว่าประเทศจีนทั้งประเทศจะมีความคล้ายคลึงกัน จึงเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดอย่างมาก ศูนย์กระจายสินค้าในประเทศจีน ต้องมีลักษณะรวมศูนย์และใช้บุคลากรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขันให้มากขึ้น เพราะการสร้างศูนย์กระจายสินค้าแบบกระจายอำนาจลงไปอาจไม่เหมาะกับธุรกิจในประเทศจีน

          อย่างไรก็ตามการลงทุนทำธุรกิจโลจิสติกส์ในจีนจะต้องทำความเข้าใจว่าปัจจุบันภาคตะวันออกของจีนนั้นเปิดเต็มที่แล้ว ส่วนการลงทุนในภาคตะวันตกหรือภาคใต้ แม่ว่าค่าแรงงานอยู่ในอัตราที่ต่ำ แต่คนยากจนก็มีมากเช่นกัน ทำให้อำนาจซื้อน้อยหรือไม่สูงมาก แรงงานยังขาดทักษะและไม่มีฝีมือ เนื่องด้วยการแข่งขันที่สูง จึงเป็นไปได้ที่ประเทศจีนยังมีระบบการเล่นพรรคพวกและการเล่นกันนอกระบบ

          ดังนั้นการไปลงทุนในจีนต้องมีความเข้าใจนโยบาย และลักษณะวิธีทำการค้าของจีน รวมถึงต้องมีจุดแข็งที่เหนือคนท้องถิ่น และจงอย่าไปเชื่อใครทั้งสิ้น หากสายป่านไม่ยาวจริง และไม่แน่จริง เก็บเงินไว้จะดีกว่า เพราะพญามังกรตัวนี้ยังต้องทำความเข้าใจอีกมาก

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด