TECHNOLOGY TREND

Passive Wi-Fi เทคโนโลยีพลังงานใหม่ของอุปกรณ์ IoT

          นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) ได้เปิดเผยถึงการวิจัยเทคโนโลยีของ Wi-Fi แบบใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของอุปกรณ์ IoT อีกครั้ง โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้จะช่วยให้อุปกรณ์ IoT สื่อสารข้อมูลผ่าน Wi-Fi ได้ด้วยพลังงานที่น้อยลงกว่าเดิมถึง 10,000 เท่า และใช้พลังงานน้อยกว่า Bluetooth LE หรือ ZigBee อยู่ถึง 1,000 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งทีมนักวิจัยของ UW ได้นำเสนอผลงานวิจัยดังกล่าวไปในงาน USENIX Symposium on Networked Systems Design and Implementation ที่จัดไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

          เทคโนโลยีที่ว่านี้มีชื่อ Passive Wi-Fi ที่ได้ชื่อแบบนี้ก็เพราะส่วนฮาร์ดแวร์ของ Passive Wi-Fi นั้นทำงานโดยอาศัยหลักการ Backscatter ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับที่ใช้ใน Passive RFID tag นั่นเอง ความน่าสนใจก็คืออุปกรณ์ IoT ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานอีกต่อไป นอกจากนั้น หากนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนก็จะช่วยให้การเชื่อมด้วยต่อกับ Wi-Fi ที่เดิมเคยเป็นส่วนที่สูบพลังงานอย่างมากจากแบตเตอรี่ กลายเป็นแทบไม่ต้องใช้พลังงานเลยอีกด้วย

 

          ในการทดลองกับเครื่องต้นแบบ อุปกรณ์ Passive Wi-Fi สามารถจะสื่อสารกับอุปกรณ์ที่อยู่ห่างไป 100 ฟุต (ประมาณ 30.5 เมตร) ได้ แม้จะมีกำแพงกั้นอยู่ โดยในการทดลองที่ว่านี้จำเป็นต้องมีการดัดแปลงเฟิร์มแวร์ของ Wi-Fi Access Point เพื่อสร้างสัญญาณเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ Passive Wi-Fi ซึ่งนั่นก็ทำให้ Access Point จะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น

 

          ในอนาคตนักวิจัยก็เชื่อว่าเทคโนโลยี Passive Wi-Fi จะช่วยให้อุปกรณ์ IoT ต่างๆ มีราคาถูกลงอีกมาก และจะช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้งานในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิด, เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ, เซนเซอร์จับควันไฟ ทั้งหมดจะไม่จำเป็นต้องถูกเปลี่ยนแบตเตอรี่อีกต่อไป

 

 

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด