5/8/55

บริการของเรา_รับซักผ้าม่านชลบุรี โดยหยกผ้าม่านชลบุรี ค่ะ




รับซักผ้าม่านทุกชนิด ผ้าม่านจีบ ผ้าม่านตาไก่ ผ้าม่านพับ ผ้าม่านหลุยส์ และผ้าม่านโปร่งหรือผ้าลูกไม้

รับซักม่านปรับแสงชนิดใบผ้า และอื่นๆ ค่ะ ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี และใกล้เคียง

เราให้บริการซ่อมแซมรางผ้าม่าน อุปกรณ์รางม่าน เชือกชักขาด มู่ลี่ชำรุด ม่านปรับแสงชำรุด เสียหายต่างๆ

ซึ่งพร้อมให้บริการด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์มากว่า 18 ปี ของร้านหยกผ้าม่าน ชลบุรี

เราเป็นร้านผ้าม่านชลบุรีที่มีผลงานการออกแบบ ตัดเย็บ และติดตั้งผ้าม่านมากว่า 18 ปี และมีลูกค้าผ้าม่าน

ในเขตจังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่า 1,000 หลัง

หากท่านสนใจซักผ้าม่าน กรุณาติดต่อที่โทร 081-781-9245, 086-140-7273 ได้ตลอดค่ะ

หรือ หากท่านสนใจทำผ้าม่าน มู่ลี่ ม่านปรับแสง ฉากกั้นห้อง และวอลล์เปเปอร์ ในชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง

สามารถชมตัวอย่างผลงานของเราได้ที่

http://yokcurtain.blogspot.com/ และ

https://plus.google.com/111698729470308624831/photos ได้เลยค่ะ พร้อมให้บริการเสมอค่ะ

เพราะ "บ้านสวย...คือความสุขของเจ้าของบ้านทุกคน" ค่ะ

ไรฝุ่น ภัยร้ายใกล้ตัวที่มาของ "โรคภูมิแพ้" ในบ้านคุณ


ไรฝุ่น ภัยร้ายใกล้ตัวที่มาของ "โรคภูมิแพ้" ในบ้านคุณ

ไรฝุ่น เป็นสัตว์ขาข้อมีขนาดแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ ตัวมีสีขาวคล้ายฝุ่น เดินเร็ว อยู่คลุกปะปนในฝุ่น ทำ ให้มองเห็นด้วยตาเปล่าไม่เห็น นอกจากใช้กล้องจุลทรรศน์ ไรฝุ่นมีชีวิตอยู่ได้โดยกินเศษคราบไคล รังแค หรือสารอินทรีย์ในฝุ่น ชอบอาศัยอยู่ในบริเวณแสงสว่างน้อย ชอบอยู่ในที่มีความชื้น สถานที่ในบ้านที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ของไรจึงได้แก่ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตา เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน ฯลฯ การเจริญเติบโตของไรฝุ่น มี 4 ระยะหลักๆ ได้แก่ ไข่, ตัวอ่อน 6 ขา, ตัวอ่อน 8 ขา และ ตัวเต็มวัยเพศผู้-เมีย เมื่อตัวเต็มวัยผสมพันธุ์ได้ 3-4 วัน ตัวเมียจะตกไข่วันละ 3 ครั้งๆละฟอง ตลอดชีวิตวางไข่ได้ 40-80 ฟอง จากระยะไข่จนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ไรจะผสมพันธุ์แล้ววางไข่ได้อีกเช่นนี้ไปเรื่อยๆตลอดอายุขัย (นาน 2 เดือน) ระหว่าง การดำรงชีวิตไรฝุ่นจะกินอาหาร-ถ่ายมูล-หลั่งสารเมือกระหว่างการตก ไข่ และลอกคราบเพื่อการเติบโต เหล่านี้ล้วนเป็นโปรตีนเรียกว่า สารก่อภูมิแพ้เพราะมีคุณสมบัติเป็นสารกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการภูมิแพ้ได้

การป้องกันและกำจัดไรฝุ่น
ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า ไรฝุ่น เป็นสารก่อภูมิแพ้ในบ้านที่สำคัญและเป็นสาเหตุหลัก ในการก่อโรคภูมิแพ้ อันได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือที่เราเรียกกันว่า โรคแพ้อากาศ (Allergic rhinitis) และ โรคหืด (Asthma) มีรายงานจำนวนมากจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกว่า โรคภูมิแพ้ที่มีสาเหตุมาจากไรฝุ่นมีความชุกของโรคเพิ่มขึ้นทุกปี จนเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ การรักษาโรคแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ใส่ใจการควบคุมสภาวะแวดล้อมของผู้ป่วย ทำให้การรักษาโรคไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แพทย์ ได้แนะนำให้ผู้ป่วยตระหนักและเห็นความสำคัญของการป้องกันกำจัดไรฝุ่น ที่บ้าน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการทุเลาลง และอาการไม่กำเริบบ่อยๆ ซึ่งการหลีกเลี่ยงหรือลดการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นได้ ทำให้ผู้ป่วยดีขึ้น การรักษาโรคได้ผลดี

อันดับแรกเราต้องทราบก่อนว่า เรากำลังจะสู้กับอะไร อยู่ที่ไหน เหตุ นี้จึงเป็นที่มาของความจำเป็นที่ต้องรู้จักนิสัยและชีวิตความเป็นอยู่ ของไร หรือภาษาทางการแพทย์เราเรียกว่า ชีววิทยาของไรฝุ่น นั่นเอง เมื่อทราบว่าตัวไร ไม่ชอบอะไร เราก็ทำอย่างนั้น ไรจะอยู่ไม่ได้...แต่เห็นตัวเล็กอย่างนี้..ก่อเรื่องใหญ่..กำจัดไม่ ง่ายอย่างที่คิด
หลักการกำจัดไรฝุ่นมี 3 ข้อ แต่แตกออกเป็นวิธีการต่างๆ ได้มากมาย ท่านสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก คือ
1) ทำให้จำนวนตัวไรลดลง อาจจะกำจัดโดยการฆ่าหรือทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะแก่การแพร่พันธุ์ 
2) ทำลายสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น หรืออีกนัยหนึ่งคือทำมูลไรให้หมดสภาพการเป็นสารกระตุ้น 
3) หาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้เราพบกัน จะลดการสัมผัสสูดดมได้
จาก หลักการข้างต้นสามารถคิดค้นเป็นวิธีการต่างๆ ได้มากมาย บางวิธีฆ่าตัวไรได้แต่ไม่มีผลต่อการทำลายมูล บางวิธีได้ผลกับตัวไรแต่ไม่ปลอดภัยกับตัวคน บางวิธีใช้ได้ผลดีเฉพาะในห้อง lab ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน วิธี การต่อไปนี้สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละบ้าน แต่ละชนิดของเครื่องนอน โดยรวมแล้วการป้องกันไรฝุ่นปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดเพียงวิธีเดียวที่ได้ผล ต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน

การใช้ความร้อน
- การรีดผ้า ฆ่าตัวไรได้
- การซักด้วยน้ำร้อน 60 °ซ (มือแตะได้ ไม่ลวกมือ) นาน 30 นาที
- ความร้อนสูง 140 °ซ นาน 1 ชม. ทำลายโปรตีนของสารก่อภูมิแพ้ได้ มูลไรหมดสภาพการเป็นสารกระตุ้นร่างกาย
- การตากแดด นาน 5 ชม. ยับยั้งการเจริญของไข่ไรฝุ่นได้
การใช้ความเย็น 
- ไรฝุ่นเติบโตช้า ในอุณหภูมิตู้เย็น (4-10 °ซ-ช่องธรรมดา ) และตายเมื่อเก็บในช่อง freeze (-10 °ซ )
- การใช้ไนโตรเจนเหลว(-196 °ซ) ฆ่าไรฝุ่นได้ ใช้ได้ผลดีใน lab condition แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
การซักล้าง
- การซักผ้า จะช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ดี เพราะมูลไรเป็นสารละลายน้ำได้ง่าย
การคลุมด้วยวัสดุป้องกันไรฝุ่น
- วิธีการนี้เป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อลดการสัมผัสกับไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ การใช้ ผ้ากันไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ เช่น พลาสติก หรือ ผ้าทอแน่นที่มีรูห่างของผ้าเล็กกว่ามูลไร (10 ไมโครเมตร) หุ้มที่นอน/หมอน ทำให้สามารถกั้นมูลไม่ให้ฟุ้งออกจากเครื่องนอนมาสัมผัสเรา มีผลให้ลดการสูดดมลงได้ การใช้ผ้ากันไรฝุ่นไม่ได้ช่วยลดปริมาณตัวไรแต่อย่างใด
เครื่องดูดฝุ่น
- ควรใช้เครื่องที่มีถุงเก็บกัก 2 ชั้น หรือถุงอย่างหนาเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของสารก่อภูมิแพ้
- มี HEPA filter
- ช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ แต่ไม่ลดปริมาณไรฝุ่น ระหว่างใช้งานต้องสวมผ้าปิดจมูก
เครื่องกรองอากาศ
- มี ประโยชน์ในการดักจับสารก่อภูมิแพ้ที่ลอยในอากาศ เช่น ละอองเกสรพืช ดังนั้นจึงมีประโยชน์ ต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้เกสรพืช มากกว่าผู้ที่แพ้ไรฝุ่น อย่างไรก็ดีไม่มีข้อเสียหายในการใช้ ส่วนข้อดีว่ามีประสิทธิภาพในการลดสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นได้นั้นยังไม่มีรายงาน ชัดเจน
การใช้สารเคมี
- ยาฆ่าไร (acaricide) นำมาใช้งานในรูปแบต่างๆ เช่น ผงฆ่าไรในพรม (powder), foam หรือ spray สำหรับฉีด, addictive solution ผสมน้ำใช้ซักผ้า, ผ้าเคลือบสาร (impregnated cover) ด้วยสารกลุ่มไพรมิทิน
การใช้สารธรรมชาติ
- ปัจจุบัน สังคมได้ถามหาสารธรรมชาติเพื่อมาใช้ทดแทนสารเคมีกันมากขึ้น เพราะตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยในระยะยาว มีรายงานวิจัยทั้งจากต่างประเทศและประเทศไทยเกี่ยวกับการนำพืชสมุนไพรมาใช้ ในการกำจัดไรฝุ่น เช่น tannin เป็นสาร ทำลายโปรตีนสารก่อภูมิแพ้ (denaturants), น้ำมันยูคาลิปตัส, tea มักใช้ผสมน้ำสำหรับซักผ้า นอกจากนี้ยังมีการนำสารสมุนไพรมาเคลือบผ้า เช่นสารสกัดจากดอก Chrysanthemums ศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราชได้คิดค้นน้ำยาสกัดสมุนไพรฆ่าไรซึ่งได้ ผลดี ฆ่าไรได้ 100% และมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย ปัจจุบันนำมาบรรจุในรูป anti-mite herbal spray

ที่มา : รศ. วรรณะ มหากิตติคุณ